แบรนด์
บทความ
แผลกดทับ (Bed Sore)
เส้นเลือดขอด (Varicose Vein)
ภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Allergy)
ริดสีดวงทวารหนัก (Hemorrhoids)
กระดูกพรุน (Osteoporosis)
ความจำเสื่อมและอัลไซเมอร์ (Dementia /Alzheimers)
เก๊าท์ (Gout)
ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ท้องผูก (Constipation)
กรดไหลย้อน (GERD)
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (Respiratory allergy)
ตาแห้ง (Dry eyes)
สิว (Acne)
ผมร่วง (Hair Loss)
ไมเกรน (Migraine)
เวชสำอางสำหรับสิว (Acne Dermocosmetics)
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด (Sun Block& Sun Screen)
ผิวริ้วรอย..แก่ก่อนวัย (Wrinkle Skin)
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)
แผ่นมาส์กผิวหน้า (Facial mask)
ผิวบอบบางแพ้ง่าย (Sensitive skin)
ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ
แชมพูกำจัดรังแค (Anti-Dandruff Shampoo)
ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง (Anti-Hair loss Shampoo)
หนังศีรษะบอบบาง (Sensitive scalp Shampoo)
ผิวแตกลาย (Anti Stretch Mark)
ผลิตภัณฑ์สำหรับจุดซ่อนเร้น
กลุ่มอโรมาเธอราพี (Aromatherapy)
บำรุงรอบดวงตา
ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับเด็ก
สเปรย์น้ำทะเล เจือจางพ่นหรือล้างจมูก
อุปกรณ์ล้างจมูก (Nasal Rinsing System)
น้ำเกลือ (Normal Saline)
อุปกรณ์วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Fingertip Oximeter)
ถุงให้อาหาร (Nutrition Bag)
เครื่องวัดความดัน (Blood Pressure Monitor)
ที่นอนลม (Mattress)
เบาะเจลป้องกันแผลกดทับ Anti-Bedsore Gel Cushion
รถเข็นผู้ป่วย (Wheel Chair)
เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Monitor)
พลาสเตอร์และอุปกรณ์ทำแผล (Bandage&Wound Dressing)
อุปกรณ์พยุงหลัง (Back Support)
แผ่นแปะเท้าและแก้ปวดเมื่อย (Foot Pads and Medicated Plaster)
ทิชชู่เปียกและผ้าเปียก (Cleansing Wipes)
แป้นถ่ายติดหน้าท้อง พร้อมถุงถ่ายหน้าท้อง (Valore Fianges Ring Size)
สารอาหาร
กระชายดำ (Krachaidum)
เห็ดหลินจือ (Reishi)
ผลกุหลาบป่า (Rose Hip)
หลินจือสกัด (Lingzhi Extract)
D-Manose
Licorice (Glycyrrhiza glabra)
แอล-ซิสเทอีน L-Cysteine
สารสกัดจากมิลเลท Millet Extract
วาเลอเลียน (Valerian)
ทีทรีออยล์ (Tea tree oil)
วิตามินรวม (Multi-Vitamins)
สารสกัดเอคไคเนเชีย (Echinesia)
คอนโดรอิติน (Chondroitin)
น้ำมันโบราจ Borage Oil
สารสกัดเมล่อน Melon Extract (SOD)
วิธีสั่งซื้อ
ลำไส้แปรปรวน (IBS: Irritable Bowel Syndrome) เป็นความผิดปกติของการทำงานในลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือสลับกันไป โดยมักมีอาการปวดท้องร่วมด้วย อุจจาระอาจแข็งเป็นก้อนเล็ก ๆ หรือเหลวกว่าปกติ อาการต้องเป็นต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนและเกิดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งจึงเข้าข่ายโรคนี้ แม้โรคไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่หากมีอาการน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ่ายเป็นเลือด หรือปวดท้องรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อแยกโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่า เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่
โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS) มีอาการแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล บางรายท้องผูก บางรายท้องเสียหรือท้องเสียสลับท้องผูก โดยจะมีอาการปวดท้องเป็นอาการเด่นของโรค จึงถือเป็นโรคที่ควรทำความรู้จักและทำความเข้าใจ เพื่อสังเกตตนเองและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ป้องกันการเกิดโรค
มีอาการแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล บางรายท้องผูก บางรายท้องเสียหรือท้องเสียสลับท้องผูก อาจมีอาการปวดท้องเกร็ง ท้องอืด กรดเกิน อาหารไม่ย่อยร่วมด้วยได้ นอกจากนี้อุจจาระอาจมีขนาดเล็กลง เป็นก้อนแข็งขึ้นหรือเป็นก้อนเล็กๆ สั้นๆ เนื่องจากการบีบรัดของลำไส้ใหญ่ หรืออาจมีอาการถ่ายท้องบ่อยขึ้นหรือถ่ายเหลวกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการบีบของลำไส้เช่นกัน ทานยาแล้วไม่หายขาด
☀ ระยะเวลาที่เป็นของอาการต้องต่อเนื่องนานอย่างน้อย 6 เดือน
☀ ต้องมีอาการปวดท้องอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์โดยอาการจะสัมพันธ์กับการขับถ่าย
☀ ต้องไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ่ายมีมูกเลือดปนกับอุจจาระ ปวดท้องรุนแรงจนรบกวน คลำเจอก้อนแปลกปลอมใต้ผิวหนังบริเวณช่องท้องหรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
☀ มักเป็นในคนอายุน้อยโดยเฉพาะเพศหญิง
☀ หากอาการมาเริ่มเป็นในผู้สูงอายุหรือมีสัญญาณอันตราย ควรตรวจและปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมก่อนเสมอ
สาเหตุไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด พบว่ามีหลายกลไกที่เกี่ยวข้องได้แก่ การเคลื่อนไหวของทางเดินอาหารผิดปกติ ประสาทรับรู้ความรู้สึกในทางเดินอาหารไวกว่าปกติ การอักเสบของเยื่อบุผิวลำไส้ ความผิดปกติของแบคทีเรียตัวดีในลำไส้ ความผิดปกติของการตอบสนองระหว่างสมองและลำไส้
☀ อาหารบางชนิดเนื่องจากอาหารที่เราบริโภคนั้นมีผลต่อของแบคทีเรียในลำไส้ ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบย่อยอาหารและสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ประกอบด้วย 4 ประเภทอาหารหลักๆที่ควรงดรับประทานสำหรับผู้ที่มีอาการลำไส้แปรปรวน ที่อาจครอบคลุมถึงอาการท้องอืด แน่นท้องอึดอัดท้อง ท้องผูกสลับท้องเสีย ดังต่อไปนี้
☀ ยาบางชนิด
☀ ความเครียดทั้งกายและใจ
☀ การติดเชื้อในหรือนอกทางเดินอาหาร
☀ รักษาโดยการปรับพฤติกรรมและใช้ยา ซึ่งยาที่ใช้ แบ่งออกเป็น กลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อลำไส้โดยตรงและกลุ่มที่ออกฤทธิ์ปรับการหลั่งของสารสื่อประสาท
☀ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องค้นหาและมีวิธีจัดการกับความเครียดที่เหมาะสมหรือปรึกษาจิตแพทย์รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้โรคกำเริบ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
☀ รักษาด้วยยาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด,ยาระบาย (ท้องผูก),ยาหยุดถ่าย (ท้องเสีย)
☀ การใช้ Probiotic ซึ่งเป็นการคืนสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ มีงานวิจัยที่น่าสนใจในต่างประเทศเพื่อประเมินผลการใช้ Probiotic รักษา ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ได้รับ Probiotic มีอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอาการปวดท้องลดลง การพองตัวของลำไส้ลดลงและมีความสม่ำเสมอในการเคลื่อนตัวของลำไส้มากขึ้น
☀ จุลินทรีย์ดีที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ (Probiotic) และอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์ดี (Prebiotic) เช่น จุลินทรีย์ในตระกูล Lactobacillus sp. หรือตระกูล Bifidobacterium sp. ซึ่งจะช่วยเกื้อกูลจุลินทรีย์ดีและทำลายเชื้อก่อโรคในลำไส้ ปรับสมดุลลำไส้ลดภาวะท้องผู้กหรือท้องเสียเรื้อรังได้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยสาร Inulin Fructooligosaccharides (FOS) และ Xylo-oligosaccharides (XOS) ซึ่งเป็นอาหารเลี้ยงจุลินทรีย์จะช่วยเสริมให้จุลินทรีย์ดีในร่างกายแข็งแรง เนื่องจากพรีไบโอติกเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้และไม่ถูกดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร ช่วยในการกระตุ้นการทำงานและส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและทำให้ลดการเกิดอาการลำไส้แปรปรวน
☀ กรดอะมิโน เช่น Arginine ซึ่งมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเยื่อบุผนังลำไส้ที่ได้รับบาดเจ็บ และ Glutamine ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานภายในเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้จากความเครียดได้
☀ สังกะสี (Zinc) จากการศึกษาพบว่าสังกะสีสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผนึกระหว่างเซลล์ลำไส้และป้องกันความเสียหายของเยื่อบุผนังลำไส้ได้
☀ ซีลีเนียม (Selenium) และวิตามินอี (Vitamin E) จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายที่มีความปลอดภัยสูง การศึกษาพบว่า ซีลีเนียมและวิตามินอีสามารถป้องกันการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการให้สารผ่านเข้าออกผนังลำไส้จากการถูกทำลายจากความเครียดและปฏิกิริยา oxidation ได้
☀ การบีบตัวหรือการเคลื่อนตัวของลำไส้ผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนบางอย่างในผนังลำไส้ผิดปกติ นำไปสู่อาการปวดท้อง ท้องเสียหรือท้องผูก
☀ ระบบประสาทที่ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า หรือตัวกระตุ้นมากผิดปกติ เช่น หลังกินอาหารซึ่งในคนปกติจะกระตุ้นให้ลำไส้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนตัวเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่ในผู้ป่วยไอบีเอส จะมีการตอบสนองมากกว่ามากผิดปกติ มีการบีบตัวและการเคลื่อนตัวของลำไส้มากขึ้น จนมีอาการปวดท้องและท้องเสีย หรือท้องผูกเป็นต้น นอกจากอาหารแล้วตัวกระตุ้นอื่นที่สำคัญ คือความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ก็มีส่วนเสริมให้มีอาการมากขึ้น
☀ มีความผิดปกติในการควบคุมการทำงานของแกน ที่เชื่อมโยงระหว่างประสาทรับความรู้สึก ระบบกล้ามเนื้อของลำไส้และสมอง (Brain-gut axis) โดยเกิดจากความผิดปกติของสารที่ควบคุมการทำงานซึ่งมีหลายชนิดและทำหน้าที่แตกต่างกัน
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
สินค้าของแท้
ส่งเร็วทันใจ
เปลี่ยน/คืนได้ภายใน 14 วัน
รีวิวมากมายจากผู้ใช้จริง