1 .Qnature Fish Oil 1000mg. 30s.
คิวเนเจอร์ ฟิชออยล์ 1000 มก 30 เม็ด
Fish oil-Omega 3 น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว และหางของปลาทะเลน้ำลึกโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ในน้ำมันปลามีกรดไขมันหลายชนิด แต่ที่สำคัญและมีการนำมาใช้ทางการแพทย์ คือ กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 และกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ที่สำคัญ 2 ชนิด คือ กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA (Eicosapentaenoic acid) และกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก DHA (Docosahexaenoic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหาร สำหรับกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 เป็นกรดไขมันที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีผลในการควบคุมไขมันในเลือด พบมากในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น
ความสำคัญของน้ำมันปลา
● กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกมีความจำเป็นต่อการพัฒนาของจอตาและสมองของทารก แต่ทารกไม่สามารถสังเคราะห์ DHA ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยจากน้ำนมแม่ โดยทารกแรกเกิดควรได้รับ DHA ไม่ต่ำกว่าวันละ 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม จากการศึกษายังพบว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อได้รับนมเสริม DHA จะสามารถมองเห็นได้ชัดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับอีกด้วย มารดาและหญิงที่ให้นมบุตรจึงควรบริโภค DHA อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกที่ได้รับ ส่งต่อไปยังลูกโดยผ่านทางรกและน้ำนม
● กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์สมองและเซลล์ประสาทซึ่งมีผลต่อ สติปัญญา หากร่างกายขาด DHA จะทำให้เซลล์สมองและเซลล์ประสาทขาดประสิทธิภาพไปด้วย เด็กในวัยนี้จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง
● คนในวัยทำงานมักประสบความเครียดอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายขาด DHA ในปริมาณที่เหมาะสม กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจะผ่านเข้าไปเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ของเซลล์สมอง ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้สมองทำงานดีขึ้น หากรับประทานอาหารที่มีกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สัดส่วนของ DHA ในสมองสูงขึ้น ซความเครียดจะลดลงและสมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น
● ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆ โดยไม่ ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการทดลองโดยการให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกแก่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ใน ประเทศญี่ปุ่น พบว่าความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ และประสิทธิภาพระดับสูงของผู้ป่วยดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับDHA เป็นเวลา 6 เดือนจะมีอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA อย่างเห็นได้ชัด
Fish oil ดีอย่างไร
● ต้านการอักเสบ ในน้ำมันปลา มีกรดไขมันชนิด EPA ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยไปยับยั้งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบหลายชนิด
● โรคหัวใจและสมองขาดเลือด เนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและช่วยไขมันในเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและสมอง
● ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ จึงลดความเสี่ยงในต่อการเป็นโรคหัวใจได้
● ดูแลสมอง โอเมก้า3 ในน้ำมันปลา ประกอบไปด้วย DHA ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มสมองและระบบประสาท
● ต้านภาวะซึมเศร้า น้ำมันปลามีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ และยังช่วยควบคุมสมดุลย์ระหว่าง Omega-3 และ Omega-6 จากการวิจัยพบว่าคนที่มีระดับกรดไขมัน Omega-3 ต่ำ แต่ Omega-6 สูง มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าปกติ
วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 1 ซอฟท์เจล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร
เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. 13-2-00763-2-0083
2 .Q Nature Garlic Oil 10mg. 30 Softgels
คิวเนเจอร์ กระเทียม 10 มก. 30เม็ด
การ์ลิคออยล์ 10มก.
ในหัวกระเทียมมีสารสำคัญคือสารประกอบออแกนโนซัลเฟอร์ organosulfur compounds (OSCs) และโปรตีน Alliinase ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น การลดอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ช่วยหลอดเลือดแข็งตัว โดยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดและลดระดับไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ความดันโลหิตและลดระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
การค้นคว้าและวิจัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสารสำคัญล้ำค่าของสมุนไพรใกล้ตัวอย่างกระเทียม ของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกว่า 2,500 การทดลอง ทำให้เราทราบว่าธรรมชาติมีการผสมผสานสารสำคัญในกระเทียมไว้อย่างลงตัว อาทิเช่น
● สารประกอบซัลเฟอร์อย่างน้อย 33 ชนิด ซึ่งรวมถึง อัลลิซิน (Allicin) และ S-allylmercaptocystein
● กรดอะมิโนและไกลโคไซด์กว่า 17 ชนิด
● เอ็นไซม์หลากหลายชนิด
● เกลือแร่ โดยเฉพาะ เซเลเนียม (Selenium)
โดยสารสำคัญเหล่านี้ เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกาย เป็นเสมือนยาช่วยเกี่ยวกับหัวใจ โดยช่วยลดระดับไขมันในกระแสเลือด เช่น ควบคุมโคเลสเตอรอลชนิดรวม และ แอล ดี แอล โคเสลเตอรอล จึงเหมาะกับผู้ที่มีระดับไขมันโคเลสเตรอลในเลือดสูง มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร มีผลในการช่วยความดันโลหิตสูง ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น และกระเทียมยังเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อต่างๆ โรคมะเร็ง และช่วยต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย
สารสกัดกระเทียมสร้างความสมดุลให้แก่หัวใจ
หัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานตลอดชีวิต เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หากหัวใจของคุณมีปัญหาจนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อนั้น ความสมดุลในชีวิตของคุณจะหายไปทันที ดังนั้นจึงควรหาทางป้องกันหัวใจตั้งแต่วันนี้ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสารอาหารจากธรรมชาติที่มีส่วนช่วยในการดูแลหัวใจ กระเทียมสร้างสมดุล เสริมภูมิต้านทาน ลดภูมิแพ้
มีหลายวิธีที่เราสามารถปฏิบัติเพื่อเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รับประทานผักและผลไม้ เสริมวิตามิน เช่น วิตามิน ซี ควบคู่กับการเลือกใช้สมุนไพร เช่น กระเทียม เพื่อช่วยให้อาการภูมิแพ้ เสริมภูมิคุ้มกันได้เนื่องจาก
● กระเทียม (Garlic ) มีสารสำคัญ คือ อัลลิซิน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว เช่น Macrophaqes และ T-lymphocyte เพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายเรามีเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลในการช่วยดูแล และลดอาการภูมิแพ้
● ฤทธิ์ของกระเทียมที่เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ดังนั้นกระเทียมจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดภูมิแพ้ และอาการเรื้อรังทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หอบหืด ไซนัส หูอักเสบ เป็นต้น
สำหรับกรณีที่เสริมด้วย วิตามินซีควบคู่กับกระเทียม พบว่าจะช่วยดูแลและลดความถี่ของโรคภูมิแพ้ เนื่องจากทั้งวิตามินซีและกระเทียมจะเสริมฤทธิ์กันในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวของร่างกาย ส่งเสริมให้ภูมิต้านทานของร่างกายดีขึ้นอย่างชัดเจน

กระเทียม กลิ่นแรง ประโยชน์แรงกว่า
● เป็นสารลดอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงลดอนุมูลอิสระได้หลายกลุ่ม ออกฤทธิ์ได้โดยตรงพร้อมทำงานไม่ต้องรอสารอื่นมาเร่ง และยังไปกระตุ้นสารลดอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น กลูต้าไธโอน ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
● มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ กระเทียมสามารถต้านการสร้างสารอักเสบภายในร่างกายได้หลายชนิด ยังยั้งได้หลายกลไก
● กันโรคหัวใจและหลอดเลือด กระเทียมช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีเพราะไปยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด อีกทั้งกระเทียมยังช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งจากการเกาะของไขมัน และช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้
● มีฤทธิ์ช่วยความดันโลหิต เนื่องจากมีฤทธิ์ไปขยายหลอดเลือด มีการศึกษาในหนูเมื่อให้ใช้กระเทียมคู่กับยาลดความดันพบว่าสามารถลดความดันตัวบน (SBP) ได้มากกว่าการใช้ยาลดความดันเพียงอย่างเดียว
น้ำมันกระเทียม
● ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดคลอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์
● ช่วยความดันโลหิต
● ช่วยลดการแข็งตัวของเลือด ลดการอุดตันของเส้นเลือด
● “Diallyl Sulfide”สารสำคัญในกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งสารก่อมะเร็ง
● ช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งในต่อมลูกหมาก
● เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
● ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร
เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. 13-2-00763-2-0080
3 .Qnature Triple Lecithin 30s.
คิวเนเจอร์ ทริปเปิ้ล เลซิทิน 30 เม็ด
เลซิทินมีสารที่สำคัญคือ ฟอสฟาทิดิล โคลีน (phosphatidyl choline) ช่วยหลอดเลือดแข็งตัว ช่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มการทำงานของระบบสมอง ช่วยซ่อมแซมตับที่ถูกทำลายการการดื่มแอลกอฮอล์ ที่ผ่านมาเราอาจจะรู้จักเลซิตินในนามของสารดูแลสมอง ช่วยเสริมสร้างความจำ ป้องกันสมองเสื่อม แต่ใครจะรู้ว่ามีอีกฤทธิ์ที่ให้ประโยนช์ต่อร่างกายไม่แพ้กัน คือช่วยป้องกันเราจากโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุการตายของคนไทยลำดับต้นๆเลยทีเดียว
เลซิติน (Lecithin) หาได้จากที่ไหน
● การทานเลซิติน (Lecithin) เสริมจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเลซิตินมักจะสกัดได้จากไข่แดงและถั่วเหลือง ซึ่งถั่วเหลืองจะเป็นแหล่งที่ดีในการสกัดเลซิติน เพราะไม่มีไขมันโคเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากกว่า โดยร่างกายของเราต้องการเลซิตินวันละ 6 กรัม ส่วน Choline ต้องการวันละ 0.6-1 กรัม ซึ่งในอดีตไม่ค่อยพบว่ามีการขาดสารเลซิติน แต่ปัจจุบันคนนิยมทานอาหารที่มีไขมันต่ำ จึงอาจจะทำให้เกิดการขาดสารเลซิติน
ให้ Phosphatidyl Choline สูงถึง 420 mg
● บำรุงตับ ลดระดับไขมันในเลือด
● เร่งปฏิกิริยาการขนย้ายคอเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือด ป้องกันการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
● ควบคุมคอเลสเตอรอล ลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในทางเดินอาหารออกทางลำไส้ใหญ่ และขับถ่ายออกไปมากขึ้น
● มีส่วนช่วยในการบำรุงตับ ทำให้การทำงานของตับเป็นปกติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงตับ ผู้ที่ต้องเผชิญความเครียดเป็นประจำ หรือผู้ดื่มสุรา
● ดูแลสมอง และระบบประสาท ช่วยให้ความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น สาร Acetylcholine จำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่สำคัญของสมอง
● ป้องกันไม่ให้ไขมันในน้ำดีจับตัวกันเป็นก้อน ที่ก่อให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ประโยชน์ ของเลซิติน
● เลซิติน ช่วยป้องกันและสลายโคเลสเตอรอล หรือไขมันที่อุดตันในหลอดเลือด จึงนิยมในกันมากในผู้ที่มีปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด
● Phosphaticylcholine ซึ่งให้สารโคลีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประเภท อะเซททิลโคลีน จะช่วยให้ความจำ และความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น
● ช่วยให้การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น
● ลดการอุดตันของถุงน้ำดี (Gall Stones)
● ให้สารอิโนซิทอล (Inositol) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
● ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และเค ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เลซิติน หาได้จากที่ไหนบ้าง
เราสามารถพบเลซิทินได้จากแหล่งอาหารจำพวก ไข่แดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน ตับ แต่น่าเสียดายที่เมื่ออาหารเหล่านี้ผ่านความร้อน ผ่านการนำไปปรุงอาหาร สารเลซิทินจะลดระดับลง
เลซิตินช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจได้อย่างไร
หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดคือการมีระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งเลซิตินช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ก็เท่ากับว่าลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้นั่นเอง โดยเลซิตินจะไปลดการดูดซึมของไขมันในทางเดินอาหาร ลดการดูดกลับของน้ำดี ทำให้ร่างกายต้องใช้ไขมันในการสร้างน้ำดีมากขึ้น เพิ่มการนำไขมันมาใช้ ระดับไขมันในเลือดก็จะลดต่ำลงค่ะ
วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร
ขนาดที่แนะนำ ในเพื่อให้ได้ฤทธิ์ช่วยไขมันในเลือดคือการใช้เลซิทิน 1200 mg ก่อนอาหารในแต่ละมื้อ
ผสานประสิทธิภาพของ Encapsulation ขั้นสุดของเทคโนโลยีจาก USA
ช่วยให้สารสำคัญถูกปลดปล่อย ดูดซึม และออกฤทธิ์ได้อย่างเหมาะสม

เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. 13-2-00763-2-0088
คำเตือน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค
|