SET สุดคุ้ม Qnature Fish Oil 1000mg. 30s.+ Garlic Oil 10mg. 30 Softgels. + Triple Lecithin 30s.คิวเนเจอร์ ฟิชออยล์ + การ์ลิค ออยล์ + ทริปเปิ้ล เลซิทิน

วิตามิน อาหารเสริม เวชสำอาง บำรุงผิว อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ

เข้าสู่ระบบ    | ยังไม่มีสินค้า  
หน้าแรก  รีวิวสินค้า  ปัญหาสุขภาพ  วิธีสั่งซื้อ  ข่าวสาร  แนะนำสินค้า  สาระน่ารู้  ติดต่อเรา 
  Qnature

SET สุดคุ้ม Qnature Fish Oil 1000mg. 30s.+ Garlic Oil 10mg. 30 Softgels. + Triple Lecithin 30s.คิวเนเจอร์ ฟิชออยล์ + การ์ลิค ออยล์ + ทริปเปิ้ล เลซิทิน

ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ / สมอง / โรคหัวใจ

ฟิชออยล์ ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ สมอง โรคหัวใจ การ์ลิค ออยล์ ต้านการอักเสบ ความดันโลหิต ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ทริปเปิ้ล เลซิทิน ช่วยซ่อมแซมตับที่ถูกทำลายการการดื่มแอลกอฮอล์ เลซิทินมีสารที่สำคัญคือ ฟอสฟาทิดิล โคลีน (phosphatidyl choline) ช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มการทำงานของระบบสมอง ช่วยซ่อมแซมตับที่ถูกทำลายการการดื่มแอลกอฮอล์ การ์ลิคออยล์ 10มก. ในหัวกระเทียมมีสารสำคัญคือสารประกอบออแกนโนซัลเฟอร์ และโปรตีน ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น การต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว โดยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดและลดระดับไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตและลดระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
รหัสสินค้า28740-28881-28879

ขนาด1 Set
ราคาปกติ 1310 บาท
ผู้ผลิตQnature
สถานะสินค้ามีสินค้า in stock
PROMOTION       WOW!!!!!! SET สุดคุ้ม ด่วนจำนวนจำกัด!!!
ราคา 649 บาท
ราคาพิเศษ
    สั่งซื้อ  
การจัดส่ง FLASH EXPRESS ทุกวันจันทร์ - เสาร์ ตัดรอบ 11.00 น. (1-2 วันทำการ)
การชำระเงิน ดูรายละเอียด
 
รายละเอียดสินค้า
1 .Qnature Fish Oil 1000mg. 30s. คิวเนเจอร์ ฟิชออยล์ 1000 มก30 เม็ด Fish oil-Omega 3น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว และหางของปลาทะเลน้ำลึกโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ในน้ำมันปลามีกรดไขมันหลายชนิด แต่ที่สำคัญและมีการนำมาใช้ทางการแพทย์ คือ กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 และกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ที่สำคัญ 2 ชนิด คือ กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA (Eicosapentaenoic acid) และกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก DHA (Docosahexaenoic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหาร สำหรับกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 เป็นกรดไขมันที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีผลในการควบคุมไขมันในเลือด พบมากในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น ความสำคัญของน้ำมันปลา ●กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกมีความจำเป็นต่อการพัฒนาของจอตาและสมองของทารก แต่ทารกไม่สามารถสังเคราะห์ DHA ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยจากน้ำนมแม่ โดยทารกแรกเกิดควรได้รับ DHA ไม่ต่ำกว่าวันละ 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม จากการศึกษายังพบว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อได้รับนมเสริม DHA จะสามารถมองเห็นได้ชัดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับอีกด้วย มารดาและหญิงที่ให้นมบุตรจึงควรบริโภค DHA อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกที่ได้รับ ส่งต่อไปยังลูกโดยผ่านทางรกและน้ำนม ●กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์สมองและเซลล์ประสาทซึ่งมีผลต่อ สติปัญญา หากร่างกายขาด DHA จะทำให้เซลล์สมองและเซลล์ประสาทขาดประสิทธิภาพไปด้วย เด็กในวัยนี้จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง ●คนในวัยทำงานมักประสบความเครียดอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายขาด DHA ในปริมาณที่เหมาะสม กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจะผ่านเข้าไปเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ของเซลล์สมอง ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้สมองทำงานดีขึ้น หากรับประทานอาหารที่มีกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สัดส่วนของ DHA ในสมองสูงขึ้น ซความเครียดจะลดลงและสมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น ●ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆ โดยไม่ ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการทดลองโดยการให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกแก่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ใน ประเทศญี่ปุ่น พบว่าความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ และประสิทธิภาพระดับสูงของผู้ป่วยดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับDHA เป็นเวลา 6 เดือนจะมีอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA อย่างเห็นได้ชัด Fish oil ดีอย่างไร ●ต้านการอักเสบในน้ำมันปลา มีกรดไขมันชนิด EPA ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยไปยับยั้งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบหลายชนิด ●โรคหัวใจและสมองขาดเลือดเนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและช่วยไขมันในเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ●ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์จึงลดความเสี่ยงในต่อการเป็นโรคหัวใจได้ ●ดูแลสมอง โอเมก้า3ในน้ำมันปลา ประกอบไปด้วย DHA ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มสมองและระบบประสาท ●ต้านภาวะซึมเศร้าน้ำมันปลามีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ และยังช่วยควบคุมสมดุลย์ระหว่าง Omega-3 และ Omega-6 จากการวิจัยพบว่าคนที่มีระดับกรดไขมัน Omega-3 ต่ำ แต่ Omega-6 สูง มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าปกติ วิธีรับประทาน รับประทานครั้งละ 1 ซอฟท์เจล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร เลขที่จดแจ้ง / เลข อย.13-2-00763-2-0083 2 .Q Nature Garlic Oil 10mg. 30 Softgels คิวเนเจอร์ กระเทียม 10 มก. 30เม็ด การ์ลิคออยล์ 10มก. ในหัวกระเทียมมีสารสำคัญคือสารประกอบออแกนโนซัลเฟอร์ organosulfur compounds (OSCs) และโปรตีน Alliinase ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น การลดอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ช่วยหลอดเลือดแข็งตัว โดยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดและลดระดับไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ความดันโลหิตและลดระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย การค้นคว้าและวิจัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสารสำคัญล้ำค่าของสมุนไพรใกล้ตัวอย่างกระเทียม ของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกว่า 2,500 การทดลอง ทำให้เราทราบว่าธรรมชาติมีการผสมผสานสารสำคัญในกระเทียมไว้อย่างลงตัว อาทิเช่น ● สารประกอบซัลเฟอร์อย่างน้อย 33 ชนิด ซึ่งรวมถึง อัลลิซิน (Allicin) และ S-allylmercaptocystein ● กรดอะมิโนและไกลโคไซด์กว่า 17 ชนิด ● เอ็นไซม์หลากหลายชนิด ● เกลือแร่ โดยเฉพาะ เซเลเนียม (Selenium) โดยสารสำคัญเหล่านี้ เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกาย เป็นเสมือนยาช่วยเกี่ยวกับหัวใจ โดยช่วยลดระดับไขมันในกระแสเลือด เช่น ควบคุมโคเลสเตอรอลชนิดรวม และ แอล ดี แอล โคเสลเตอรอล จึงเหมาะกับผู้ที่มีระดับไขมันโคเลสเตรอลในเลือดสูง มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร มีผลในการช่วยความดันโลหิตสูง ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น และกระเทียมยังเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อต่างๆ โรคมะเร็ง และช่วยต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย สารสกัดกระเทียมสร้างความสมดุลให้แก่หัวใจ หัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานตลอดชีวิต เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หากหัวใจของคุณมีปัญหาจนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อนั้น ความสมดุลในชีวิตของคุณจะหายไปทันที ดังนั้นจึงควรหาทางป้องกันหัวใจตั้งแต่วันนี้ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสารอาหารจากธรรมชาติที่มีส่วนช่วยในการดูแลหัวใจ กระเทียมสร้างสมดุล เสริมภูมิต้านทาน ลดภูมิแพ้ มีหลายวิธีที่เราสามารถปฏิบัติเพื่อเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รับประทานผักและผลไม้ เสริมวิตามิน เช่น วิตามิน ซี ควบคู่กับการเลือกใช้สมุนไพร เช่น กระเทียม เพื่อช่วยให้อาการภูมิแพ้ เสริมภูมิคุ้มกันได้เนื่องจาก ● กระเทียม (Garlic ) มีสารสำคัญ คือ อัลลิซิน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว เช่น Macrophaqes และ T-lymphocyte เพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายเรามีเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลในการช่วยดูแล และลดอาการภูมิแพ้ ● ฤทธิ์ของกระเทียมที่เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ดังนั้นกระเทียมจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดภูมิแพ้ และอาการเรื้อรังทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หอบหืด ไซนัส หูอักเสบ เป็นต้น สำหรับกรณีที่เสริมด้วย วิตามินซีควบคู่กับกระเทียม พบว่าจะช่วยดูแลและลดความถี่ของโรคภูมิแพ้ เนื่องจากทั้งวิตามินซีและกระเทียมจะเสริมฤทธิ์กันในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวของร่างกาย ส่งเสริมให้ภูมิต้านทานของร่างกายดีขึ้นอย่างชัดเจน กระเทียม กลิ่นแรง ประโยชน์แรงกว่า ● เป็นสารลดอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงลดอนุมูลอิสระได้หลายกลุ่ม ออกฤทธิ์ได้โดยตรงพร้อมทำงานไม่ต้องรอสารอื่นมาเร่ง และยังไปกระตุ้นสารลดอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น กลูต้าไธโอน ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ● มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ กระเทียมสามารถต้านการสร้างสารอักเสบภายในร่างกายได้หลายชนิด ยังยั้งได้หลายกลไก ● กันโรคหัวใจและหลอดเลือด กระเทียมช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีเพราะไปยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด อีกทั้งกระเทียมยังช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งจากการเกาะของไขมัน และช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ ● มีฤทธิ์ช่วยความดันโลหิต เนื่องจากมีฤทธิ์ไปขยายหลอดเลือด มีการศึกษาในหนูเมื่อให้ใช้กระเทียมคู่กับยาลดความดันพบว่าสามารถลดความดันตัวบน (SBP) ได้มากกว่าการใช้ยาลดความดันเพียงอย่างเดียว น้ำมันกระเทียม ●ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดคลอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ ●ช่วยความดันโลหิต ●ช่วยลดการแข็งตัวของเลือด ลดการอุดตันของเส้นเลือด ●“Diallyl Sulfide”สารสำคัญในกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งสารก่อมะเร็ง ●ช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งในต่อมลูกหมาก ●เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ●ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด วิธีรับประทาน รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร เลขที่จดแจ้ง / เลข อย.13-2-00763-2-0080 3 .Qnature Triple Lecithin 30s. คิวเนเจอร์ ทริปเปิ้ล เลซิทิน30 เม็ด เลซิทินมีสารที่สำคัญคือ ฟอสฟาทิดิล โคลีน (phosphatidyl choline) ช่วยหลอดเลือดแข็งตัว ช่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มการทำงานของระบบสมอง ช่วยซ่อมแซมตับที่ถูกทำลายการการดื่มแอลกอฮอล์ ที่ผ่านมาเราอาจจะรู้จักเลซิตินในนามของสารดูแลสมอง ช่วยเสริมสร้างความจำ ป้องกันสมองเสื่อม แต่ใครจะรู้ว่ามีอีกฤทธิ์ที่ให้ประโยนช์ต่อร่างกายไม่แพ้กัน คือช่วยป้องกันเราจากโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุการตายของคนไทยลำดับต้นๆเลยทีเดียว เลซิติน (Lecithin) หาได้จากที่ไหน ●การทานเลซิติน (Lecithin)เสริมจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเลซิตินมักจะสกัดได้จากไข่แดงและถั่วเหลือง ซึ่งถั่วเหลืองจะเป็นแหล่งที่ดีในการสกัดเลซิติน เพราะไม่มีไขมันโคเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากกว่า โดยร่างกายของเราต้องการเลซิตินวันละ 6 กรัม ส่วน Choline ต้องการวันละ 0.6-1 กรัม ซึ่งในอดีตไม่ค่อยพบว่ามีการขาดสารเลซิติน แต่ปัจจุบันคนนิยมทานอาหารที่มีไขมันต่ำ จึงอาจจะทำให้เกิดการขาดสารเลซิติน ให้ Phosphatidyl Choline สูงถึง 420 mg ●บำรุงตับ ลดระดับไขมันในเลือด ●เร่งปฏิกิริยาการขนย้ายคอเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือด ป้องกันการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ●ควบคุมคอเลสเตอรอล ลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในทางเดินอาหารออกทางลำไส้ใหญ่ และขับถ่ายออกไปมากขึ้น ●มีส่วนช่วยในการบำรุงตับ ทำให้การทำงานของตับเป็นปกติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงตับ ผู้ที่ต้องเผชิญความเครียดเป็นประจำ หรือผู้ดื่มสุรา ●ดูแลสมอง และระบบประสาท ช่วยให้ความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น สาร Acetylcholine จำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่สำคัญของสมอง ●ป้องกันไม่ให้ไขมันในน้ำดีจับตัวกันเป็นก้อน ที่ก่อให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี ประโยชน์ ของเลซิติน ● เลซิติน ช่วยป้องกันและสลายโคเลสเตอรอล หรือไขมันที่อุดตันในหลอดเลือด จึงนิยมในกันมากในผู้ที่มีปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด ● Phosphaticylcholine ซึ่งให้สารโคลีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประเภท อะเซททิลโคลีน จะช่วยให้ความจำ และความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น ● ช่วยให้การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น ● ลดการอุดตันของถุงน้ำดี (Gall Stones) ● ให้สารอิโนซิทอล (Inositol) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น ● ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และเค ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลซิติน หาได้จากที่ไหนบ้าง เราสามารถพบเลซิทินได้จากแหล่งอาหารจำพวก ไข่แดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน ตับ แต่น่าเสียดายที่เมื่ออาหารเหล่านี้ผ่านความร้อน ผ่านการนำไปปรุงอาหาร สารเลซิทินจะลดระดับลง เลซิตินช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจได้อย่างไร หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดคือการมีระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งเลซิตินช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ก็เท่ากับว่าลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้นั่นเอง โดยเลซิตินจะไปลดการดูดซึมของไขมันในทางเดินอาหาร ลดการดูดกลับของน้ำดี ทำให้ร่างกายต้องใช้ไขมันในการสร้างน้ำดีมากขึ้น เพิ่มการนำไขมันมาใช้ ระดับไขมันในเลือดก็จะลดต่ำลงค่ะ วิธีรับประทาน รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร ขนาดที่แนะนำในเพื่อให้ได้ฤทธิ์ช่วยไขมันในเลือดคือการใช้เลซิทิน 1200 mg ก่อนอาหารในแต่ละมื้อ ผสานประสิทธิภาพของ Encapsulation ขั้นสุดของเทคโนโลยีจาก USA ช่วยให้สารสำคัญถูกปลดปล่อย ดูดซึม และออกฤทธิ์ได้อย่างเหมาะสม เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. 13-2-00763-2-0088

1 .Qnature Fish Oil 1000mg. 30s.

คิวเนเจอร์  ฟิชออยล์ 1000 มก 30 เม็ด 

 

    Fish oil-Omega 3 น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว และหางของปลาทะเลน้ำลึกโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ในน้ำมันปลามีกรดไขมันหลายชนิด แต่ที่สำคัญและมีการนำมาใช้ทางการแพทย์ คือ กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 และกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ที่สำคัญ 2 ชนิด คือ กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA (Eicosapentaenoic acid) และกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก DHA (Docosahexaenoic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหาร  สำหรับกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 6 เป็นกรดไขมันที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีผลในการควบคุมไขมันในเลือด พบมากในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น


ความสำคัญของน้ำมันปลา

 กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกมีความจำเป็นต่อการพัฒนาของจอตาและสมองของทารก แต่ทารกไม่สามารถสังเคราะห์ DHA ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยจากน้ำนมแม่ โดยทารกแรกเกิดควรได้รับ DHA ไม่ต่ำกว่าวันละ 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม จากการศึกษายังพบว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อได้รับนมเสริม DHA จะสามารถมองเห็นได้ชัดเร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับอีกด้วย มารดาและหญิงที่ให้นมบุตรจึงควรบริโภค DHA อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกที่ได้รับ ส่งต่อไปยังลูกโดยผ่านทางรกและน้ำนม

 กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์สมองและเซลล์ประสาทซึ่งมีผลต่อ สติปัญญา หากร่างกายขาด DHA จะทำให้เซลล์สมองและเซลล์ประสาทขาดประสิทธิภาพไปด้วย เด็กในวัยนี้จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง

 คนในวัยทำงานมักประสบความเครียดอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายขาด DHA ในปริมาณที่เหมาะสม กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจะผ่านเข้าไปเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ของเซลล์สมอง ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้สมองทำงานดีขึ้น หากรับประทานอาหารที่มีกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สัดส่วนของ DHA ในสมองสูงขึ้น ซความเครียดจะลดลงและสมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น

 ผู้สูงอายุจะเกิดภาวะสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆ โดยไม่ ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการทดลองโดยการให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกแก่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ใน ประเทศญี่ปุ่น พบว่าความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ และประสิทธิภาพระดับสูงของผู้ป่วยดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับDHA เป็นเวลา 6 เดือนจะมีอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA อย่างเห็นได้ชัด

 

Fish oil ดีอย่างไร

● ต้านการอักเสบ ในน้ำมันปลา มีกรดไขมันชนิด EPA ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยไปยับยั้งสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบหลายชนิด

● โรคหัวใจและสมองขาดเลือด เนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและช่วยไขมันในเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและสมอง

● ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ จึงลดความเสี่ยงในต่อการเป็นโรคหัวใจได้

● ดูแลสมอง โอเมก้า3 ในน้ำมันปลา ประกอบไปด้วย DHA ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มสมองและระบบประสาท

● ต้านภาวะซึมเศร้า น้ำมันปลามีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ และยังช่วยควบคุมสมดุลย์ระหว่าง Omega-3 และ Omega-6 จากการวิจัยพบว่าคนที่มีระดับกรดไขมัน Omega-3 ต่ำ แต่ Omega-6 สูง มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าปกติ
 

วิธีรับประทาน 
รับประทานครั้งละ 1 ซอฟท์เจล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร

 

เลขที่จดแจ้ง / เลข อย.  13-2-00763-2-0083

 

2 .Q Nature Garlic Oil 10mg. 30 Softgels

คิวเนเจอร์ กระเทียม 10 มก. 30เม็ด

 

 
การ์ลิคออยล์ 10มก.

   ในหัวกระเทียมมีสารสำคัญคือสารประกอบออแกนโนซัลเฟอร์ organosulfur compounds (OSCs) และโปรตีน Alliinase ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น การลดอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ช่วยหลอดเลือดแข็งตัว โดยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดและลดระดับไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ความดันโลหิตและลดระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย  

   การค้นคว้าและวิจัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสารสำคัญล้ำค่าของสมุนไพรใกล้ตัวอย่างกระเทียม ของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกว่า 2,500 การทดลอง ทำให้เราทราบว่าธรรมชาติมีการผสมผสานสารสำคัญในกระเทียมไว้อย่างลงตัว อาทิเช่น

● สารประกอบซัลเฟอร์อย่างน้อย 33 ชนิด ซึ่งรวมถึง อัลลิซิน (Allicin) และ S-allylmercaptocystein

● กรดอะมิโนและไกลโคไซด์กว่า 17 ชนิด

● เอ็นไซม์หลากหลายชนิด

● เกลือแร่ โดยเฉพาะ เซเลเนียม (Selenium)

   โดยสารสำคัญเหล่านี้ เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกาย เป็นเสมือนยาช่วยเกี่ยวกับหัวใจ โดยช่วยลดระดับไขมันในกระแสเลือด เช่น ควบคุมโคเลสเตอรอลชนิดรวม และ แอล ดี แอล โคเสลเตอรอล จึงเหมาะกับผู้ที่มีระดับไขมันโคเลสเตรอลในเลือดสูง มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร มีผลในการช่วยความดันโลหิตสูง ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น และกระเทียมยังเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อต่างๆ โรคมะเร็ง และช่วยต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย

สารสกัดกระเทียมสร้างความสมดุลให้แก่หัวใจ 

หัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานตลอดชีวิต เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หากหัวใจของคุณมีปัญหาจนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อนั้น ความสมดุลในชีวิตของคุณจะหายไปทันที ดังนั้นจึงควรหาทางป้องกันหัวใจตั้งแต่วันนี้ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสารอาหารจากธรรมชาติที่มีส่วนช่วยในการดูแลหัวใจ กระเทียมสร้างสมดุล เสริมภูมิต้านทาน ลดภูมิแพ้
 

มีหลายวิธีที่เราสามารถปฏิบัติเพื่อเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รับประทานผักและผลไม้ เสริมวิตามิน เช่น วิตามิน ซี ควบคู่กับการเลือกใช้สมุนไพร เช่น กระเทียม เพื่อช่วยให้อาการภูมิแพ้ เสริมภูมิคุ้มกันได้เนื่องจาก

● กระเทียม (Garlic ) มีสารสำคัญ คือ อัลลิซิน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว เช่น Macrophaqes และ T-lymphocyte เพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายเรามีเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลในการช่วยดูแล และลดอาการภูมิแพ้

● ฤทธิ์ของกระเทียมที่เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ดังนั้นกระเทียมจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดภูมิแพ้ และอาการเรื้อรังทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หอบหืด ไซนัส หูอักเสบ เป็นต้น

   สำหรับกรณีที่เสริมด้วย วิตามินซีควบคู่กับกระเทียม พบว่าจะช่วยดูแลและลดความถี่ของโรคภูมิแพ้ เนื่องจากทั้งวิตามินซีและกระเทียมจะเสริมฤทธิ์กันในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวของร่างกาย ส่งเสริมให้ภูมิต้านทานของร่างกายดีขึ้นอย่างชัดเจน

กระเทียม กลิ่นแรง ประโยชน์แรงกว่า

● เป็นสารลดอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงลดอนุมูลอิสระได้หลายกลุ่ม ออกฤทธิ์ได้โดยตรงพร้อมทำงานไม่ต้องรอสารอื่นมาเร่ง และยังไปกระตุ้นสารลดอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น กลูต้าไธโอน ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

● มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ กระเทียมสามารถต้านการสร้างสารอักเสบภายในร่างกายได้หลายชนิด ยังยั้งได้หลายกลไก

● กันโรคหัวใจและหลอดเลือด กระเทียมช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีเพราะไปยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด อีกทั้งกระเทียมยังช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งจากการเกาะของไขมัน และช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้

● มีฤทธิ์ช่วยความดันโลหิต เนื่องจากมีฤทธิ์ไปขยายหลอดเลือด มีการศึกษาในหนูเมื่อให้ใช้กระเทียมคู่กับยาลดความดันพบว่าสามารถลดความดันตัวบน (SBP) ได้มากกว่าการใช้ยาลดความดันเพียงอย่างเดียว

น้ำมันกระเทียม

● ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดคลอเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์

● ช่วยความดันโลหิต

● ช่วยลดการแข็งตัวของเลือด ลดการอุดตันของเส้นเลือด

● “Diallyl Sulfide”สารสำคัญในกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งสารก่อมะเร็ง

● ช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งในต่อมลูกหมาก

● เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

● ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

วิธีรับประทาน 
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร

เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. 13-2-00763-2-0080

 

3 .Qnature Triple Lecithin 30s.

คิวเนเจอร์ ทริปเปิ้ล เลซิทิน 30 เม็ด 
 

 

   เลซิทินมีสารที่สำคัญคือ ฟอสฟาทิดิล โคลีน (phosphatidyl choline) ช่วยหลอดเลือดแข็งตัว ช่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มการทำงานของระบบสมอง ช่วยซ่อมแซมตับที่ถูกทำลายการการดื่มแอลกอฮอล์ ที่ผ่านมาเราอาจจะรู้จักเลซิตินในนามของสารดูแลสมอง ช่วยเสริมสร้างความจำ ป้องกันสมองเสื่อม แต่ใครจะรู้ว่ามีอีกฤทธิ์ที่ให้ประโยนช์ต่อร่างกายไม่แพ้กัน คือช่วยป้องกันเราจากโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุการตายของคนไทยลำดับต้นๆเลยทีเดียว
 

เลซิติน (Lecithin) หาได้จากที่ไหน

 

 ● การทานเลซิติน (Lecithin) เสริมจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเลซิตินมักจะสกัดได้จากไข่แดงและถั่วเหลือง ซึ่งถั่วเหลืองจะเป็นแหล่งที่ดีในการสกัดเลซิติน เพราะไม่มีไขมันโคเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากกว่า โดยร่างกายของเราต้องการเลซิตินวันละ 6 กรัม ส่วน Choline ต้องการวันละ 0.6-1 กรัม ซึ่งในอดีตไม่ค่อยพบว่ามีการขาดสารเลซิติน แต่ปัจจุบันคนนิยมทานอาหารที่มีไขมันต่ำ จึงอาจจะทำให้เกิดการขาดสารเลซิติน

ให้ Phosphatidyl Choline สูงถึง 420 mg

● บำรุงตับ ลดระดับไขมันในเลือด

● เร่งปฏิกิริยาการขนย้ายคอเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือด ป้องกันการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด

● ควบคุมคอเลสเตอรอล ลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในทางเดินอาหารออกทางลำไส้ใหญ่ และขับถ่ายออกไปมากขึ้น

● มีส่วนช่วยในการบำรุงตับ ทำให้การทำงานของตับเป็นปกติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงตับ ผู้ที่ต้องเผชิญความเครียดเป็นประจำ หรือผู้ดื่มสุรา

● ดูแลสมอง และระบบประสาท ช่วยให้ความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น สาร Acetylcholine จำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทที่สำคัญของสมอง

● ป้องกันไม่ให้ไขมันในน้ำดีจับตัวกันเป็นก้อน ที่ก่อให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี
 

ประโยชน์ ของเลซิติน 

 เลซิติน ช่วยป้องกันและสลายโคเลสเตอรอล หรือไขมันที่อุดตันในหลอดเลือด จึงนิยมในกันมากในผู้ที่มีปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด

 Phosphaticylcholine ซึ่งให้สารโคลีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประเภท อะเซททิลโคลีน จะช่วยให้ความจำ และความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น

 ช่วยให้การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 ลดการอุดตันของถุงน้ำดี (Gall Stones)

 ให้สารอิโนซิทอล (Inositol) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น

 ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และเค ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เลซิติน หาได้จากที่ไหนบ้าง
เราสามารถพบเลซิทินได้จากแหล่งอาหารจำพวก ไข่แดง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน ตับ แต่น่าเสียดายที่เมื่ออาหารเหล่านี้ผ่านความร้อน ผ่านการนำไปปรุงอาหาร สารเลซิทินจะลดระดับลง

เลซิตินช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจได้อย่างไร
หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดคือการมีระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งเลซิตินช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ก็เท่ากับว่าลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้นั่นเอง โดยเลซิตินจะไปลดการดูดซึมของไขมันในทางเดินอาหาร ลดการดูดกลับของน้ำดี ทำให้ร่างกายต้องใช้ไขมันในการสร้างน้ำดีมากขึ้น เพิ่มการนำไขมันมาใช้ ระดับไขมันในเลือดก็จะลดต่ำลงค่ะ

วิธีรับประทาน 
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร

ขนาดที่แนะนำ ในเพื่อให้ได้ฤทธิ์ช่วยไขมันในเลือดคือการใช้เลซิทิน 1200 mg ก่อนอาหารในแต่ละมื้อ

ผสานประสิทธิภาพของ Encapsulation ขั้นสุดของเทคโนโลยีจาก USA

ช่วยให้สารสำคัญถูกปลดปล่อย ดูดซึม และออกฤทธิ์ได้อย่างเหมาะสม

เลขที่จดแจ้ง / เลข อย.  13-2-00763-2-0088

คำเตือน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค

สืบเนื่องจาก พรบ.โฆษณาอาหาร ทำให้ไม่สามารถใส่สรรพคุณสินค้าได้โดยตรง
ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID : @365Wecare
หรือโทรศัพท์สอบถามโดยตรงได้ที่เบอร์ 082-619-2414 ค่ะ



Copyright © 2011-2023 www.365wecare.com | Site Map