Qnature Lutein 20% 40mg. 30 Softgels.
Qnature Bilberry Extract 80mg. 30s.
ลูทีน (lutein) เรียกกันว่าวิตามินแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) มีความเกี่ยวข้องกับเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอ อาหารที่เต็มไปด้วยลูทีน มีทั้ง บล็อคโคลี่ ปวยเล้ง คะน้า ข้าวโพด พริกหยวก กีวี่ องุ่น น้ำส้มคั้น แตง และน้ำเต้า
หลายคนคิดถึงลูทีนในฐานะของ “วิตามินสำหรับดวงตา” ใช้เพื่อช่วยโรคตารวมถึงโรคจอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ ต้อกระจก และโรคจอตามีสารสี (retinitis pigmentosa)
ลูทีน (Lutein) กับการบำรุงสายตา ภายในจุดของดวงตา พบปริมาณโมเลกุลของลูทีนอยู่ปริมาณสูง โดยลูทีนจะฉาบบนผิวของ เรตินา (Retina) และ บริเวณจุดรับภาพ (macula) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ ในจอประสาทตา เพราะเป็นจุดที่รูปภาพ และแสงสว่าง ซึ่งส่วนมากจะมาตกกระทบบริเวณนี้ ซึ่งเป็นส่วนที่จอตารับภาพได้ชัดเจน
ลูทีน จะช่วยในการดูดซับแสงสีน้ำเงินในแถบสีการมองเห็น และช่วยปกป้องการทำลายของคลื่นสั้นที่มีผลต่อเยื่อบุผิวเรตินา
❤ จากการศึกษาพบว่า เมื่อได้รับลูทีนปริมาณ 2.0 – 6.9 มิลลิกรัม ต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตา
แหล่งกำเนิดลูทีน
ลูทีน(Lutein) นั้นเป็นสารที่มีอยู่ในระบบร่างกายของมนุษย์อยู่แล้ว กล่าวคือ ภายในจอประสาทตาของคนเรา มีร่องเล็กๆ อยู่จุดหนึ่งที่มีเซลล์รับภาพจอประสาทตา ซึ่งเป็นจุดที่แสงตกกระทบ และทำให้คนเราสามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนในแต่ละวัน ซึ่งบริเวณเซลล์รับภาพนี้มีสารสีเหลือง หรือลูทีนอยู่หนาแน่นมาก โดยจะพบได้ตรงชั้นเนื้อเยื่อที่หล่อเลี้ยงเส้นประสาท หรือเรตินาตรงบริเวณ Macula Luta ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่สำคัญมากต่อการมองเห็น หากบริเวณดังกล่าวเสื่อม หรือเสียไป อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดได้
ขนาดการรับประทานที่แนะนำ
● ป้องกันเซลล์จอประสาทตา : lutein 6–20 mg/day, zeaxanthin 2–5 mg/day
● โรคจอประสาทตาเสื่อม ( Age-related Macular Degeneration; AMD ) : luteine 10 mg/day
● ต้อกระจก : lutein 15 mg สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. 13-2-00763-2-0084
บิลเบอร์รี่ มีสารสำคัญทีมี่ชื่อว่า “ แอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ” ซึ่งเป็นสารลดอนุมูลอิสระ (Antioxidant) สามารถเพิ่มการมองเห็นชัดได้ทั้งในคนและสัตว์ และเพิ่มการมองเห็นในที่มืดได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากช่วยในการฟื้นตัวของเซลล์รับแสง (Rhodopsin) ที่จอประสาทตา บิลเบอร์รี่ (Bilberry) เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ มีลักษณะคล้ายบลูเบอร์รี่แต่มีขนาดเล็กกว่า แม้ว่าเบอร์รี่ชนิดนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและคนไทยอาจยังไม่คุ้นเท่าไร แต่ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ต่อสุขภาพก็โดดเด่นไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นในตระกูลเดียวกัน ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ครอบคลุมสุขภาพหลายด้าน เช่น บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา และต้านการอักเสบที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลายโรค แต่บิลเบอร์รี่สดอาจหาได้ยากในประเทศไทย เพราะเป็นผลไม้ท้องถิ่นของยุโรปตอนเหนือ บิลเบอร์รี่ที่พบในไทยจึงมักมาในรูปแบบของอาหารเสริมมากกว่า โดยบทความนี้จะให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประโยชน์ของบิลเบอร์รี่และวิธีการเลือกซื้ออาหารเสริมบิลเบอร์รี่อย่างปลอดภัย
นานาประโยชน์ของ bilberry
● เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น (Improves visual function) : มีการศึกษาชัดเจนที่บ่งบอกว่าสาร anthocyanin จากบิลเบอร์รี่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพการมองเห็นในที่มืดได้ เนื่องจากช่วยซ่อมแซม rhodopsin หรือก็คือสารที่ช่วยดูดกลืนแสงของเซลล์รูปแท่งที่บริเวณจอประสาทตานั่นเอง และอีกกลไกหนึ่งคือบิลเบอร์รี่ช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ และการหมุนเวียนของหลอดเลือดฝอยบริเวณดวงตาได้ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันเซลล์ตาจากปฏิกิริยา Photo-oxidation ได้อีกด้วย
● สารลดอนุมูลอิสระ (Antioxidants) : Anthocyanosides ในบิลเบอร์รี่ มีฤทธิ์ลดอนุมูลอิสระโดยตรงต่ออนุมูลอิสระอย่าง Superoxide, ช่วยเร่งปฏิกิริยาลดอนุมูลอิสระภายในของร่างกาย และยังช่วยปกป้องเซลล์ (cytoprotective) จากปฏิกิริยาออกซิเดชันด้วย
● ปกป้องเซลล์ตับ (Hepatoprotective) : หลายๆงานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าบิลเบอร์รี่ช่วยปกป้องไมโทคอนเดรียในเซลล์ตับจาก Oxidative stressได้ ส่งผลลดการเกิดพังผืดที่ตับ ที่เป็นสาเหตุของโรคตับแข็งได้
● ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) : ทั้งการรับประทานบิลเบอร์รี่ สามารถลดการหลั่งสารเคมีที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงการอักเสบในร่างกายได้ เช่น C-reactive protein, interleukin-6, interleukin-12 และ interferon-gammaได้ จึงช่วยต้านการอักเสบของหลอดเลือด และลดอาการบวมได้ จึงมีการนำมาใช้ร่วมกับการช่วยโรคริดสีดวง หรือเส้นเลือดขอด
● ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (Gastroprotective activity) : มีการศึกษาที่พบว่า anthrocyanin ในบิลเบอร์รี่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเยื่อบุผิวทางเดินอาหาร จึงช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารจากความเครียด แอลกอฮอลล์ หรือยาบางชนิดได้
ขนาดการรับประทานที่แนะนำ
สารสกัดบิลเบอร์รี่ที่มีสาร anthocyanin 240-480 mg /day
วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง พร้อมอาหาร
เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. 13-2-00763-2-0075
คำเตือน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค
|