Vitech Lutein Licaps 30 Caps.
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน ลิแคปส์ แคปซูล(ตรา ไวเทค)
ดวงตา เป็นอวัยวะสำคัญที่มีบทบาทและมีคุณค่ามากสำหรับเราทุกคน มีข้อมูลพบว่า 70 – 80 % ของสิ่งที่เรารับรู้ และเรียนรู้ตลอดชีวิต ได้มาจากการมองเห็น
ด้วยดวงตามีความสำคัญยิ่ง เราจึงต้องดูแล... จุดสำคัญ 2 จุดของดวงตาที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ คือ เลนส์ตาและจอประสาทตา เพราะเป็นส่วนที่ส่งผลต่อคุณภาพการมองเห็นเป็นหลัก เห็นได้จากในปัจจุบันโรคทางด้านสุขภาพดวงตาที่มักพบบ่อย คือ ต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม และสาเหตุส่วนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังปัญหาเหล่านี้ก็คือ “Oxidative stress” ที่ทำให้เกิด “อนุมูลอิสระ” แล้วมาทำร้ายเซลล์ จนทำให้เกิดการอักเสบ เพิ่มการตายของเซลล์ และเกิดการเสื่อมโทรมของดวงตา
ตัวการที่ทำให้เกิดอนุมูลออิสระที่ส่งผลต่อดวงตามักเกิดขึ้นจากแสงอาทิตย์ที่มีแถบคลื่นอัลตร้าไวโอเลตบี (Ultraviolet B, UVB) และแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในประเภทแสงที่ตาเรามองเห็น ที่สำคัญในยุคปัจจุบันนี้มนุษย์เรายังได้รับแสงสีฟ้าได้มากขึ้นจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอโทรทัศน์ จอมือถือ หรือแม้แต่หลอดไฟ LED ก็ล้วนปล่อยแสงสีฟ้าออกมาทั้งสิ้น ในขณะที่แสงสีเขียวไม่ได้ทำร้ายเลนส์และจอประสาทตาของเรา โดยสังเกตุได้ว่าเวลาเราไปอยู่ใต้ร่มไม้สีเขียว เราจะรู้สึกสบายตาและผ่อนคลายกว่า
เมื่อกระจกตาได้รับคลื่นแสงสีฟ้านานๆเข้า ก็จะเกิดการสะสม oxidative stress ทีละเล็กทีละน้อย จนเลนส์ตาเกิดการขุ่นมัว ผลลัพธ์ที่ได้คือ การเกิดจอประสาทตาเสื่อม จริงๆแล้วบริเวณจอประสาทตา โดยเฉพาะส่วน macula จะมีสารแอนติออกซิแดนซ์สำหรับยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นจากแสง และช่วยลดการตายของเซลล์รับแสง (photoreceptor apoptosis) ซึ่งเป็นสารกลุ่มเบต้าแคโรทีนอยด์ที่มีชื่อว่า ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนธีน (Zeaxanthine) แต่ปัญหาอยู่ที่สารเหล่านี้เมื่อร่างกายใช้แล้วก็จะหมดไป ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราต้องรับประทานเสริมเข้าไปทดแทน
✿Lutein Licaps
มีสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับดวงตา ด้วยนวัตกรรมแคปซูลลิแคป ทำให้สามารถเก็บความสมบูรณ์ของสารอาหารในแคปซูลให้มีประสิทธิภาพเสมอ
✿Lutein ลูทีน
ลูทีนจัดเป็นกลุ่มของแคโรทีนอยด์ กลุ่มแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll) โดยปกติในร่างกายเราจะพบสารนี้ในเนื้อเยื่อตาและพบมากบริเวณจุดศูนย์กลางของจอประสาทตา โดยคุณสมบัติหลักคือการเป็นสาลดอนุมูลอิสระ (antioxidant) จึงสามารถยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นจากแสง เพราะจะเป็นตัวคอยดูดซับแสงที่มีพลังงานสูงโดยเฉพาะแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก่อนที่แสงนี้จะไปทำลายณประสาทจอตาของเราได้ แต่ปัญหาก็คือ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารเหล่านี้ขึ้นมาทดแทนได้ ต้องได้รับจากการรับประทานจากภายนอก ลูทีนในธรรมชาติมักพบได้ในผักสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม เคลล์ บร๊อกโคลี พาสเลย์ และพบได้ในดอกไม้ เช่น ดอกดาวเรือง
ขนาดที่นิยมใช้คือ lutein 5 mg/day (ในผู้ที่มีภาวะ จอประสาทตาเสื่อมแล้ว 10-20 mg/day) แนะนำให้ ใช้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3-6 เดือน
✿Fish oil น้ำมันปลา
มีข้อมูลการศึกษามากมายที่พิสูจน์ว่า Omega-3 Fatty acid (combined DHA&EPA) ที่เป็นสารสำคัญของน้ำมันปลาสามารถป้องกันการเกิดจอประสาทตาเสื่อม (macular degeneration) และภาวะตาแห้ง (dry eye syndrome) รวมทั้งยังช่วยระบายน้ำในลูกตา (drainage of intraocular fluid) จึงสามารถลดความดันลูกตา ส่งผลดียิ่งขึ้นต่อผู้ที่มีโรคต้อหินร่วมด้วย ขนาดที่ควรได้รับต่อวันยังไม่มีการระบุอย่างเป็นทางการ แต่พบว่าขนาดที่มีข้อมูลการใช้เกิดประโยชน์ได้จริงคือการรับประทานน้ำมันปลาวันละ 1.5 - 3 กรัม
✿Vitamin A วิตามินเอ
วิตามินเอมีส่วนในการช่วยป้องกันเซลล์จอประสาทตาจากแสง อีกทั้งการได้รับวิตามินเอที่เพียงพอยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รับแสงได้อีกด้วย จากการศึกษาจะพบว่าหากร่างกายผู้ป่วยมีระดับวิตามินเอต่ำมักจะทำให้เกิดจอประสาทตาเสื่อม (macular degeneration), กระจกตาเป็นแผล(keratomalacia), ภาวะเยื่อบุตาอักเสบ (xerophthalmia), การมองเห็นผิดปกติ (visual impairment) อีกทั้งยังช่วยในการมองเห็นในที่มืดอีกด้วย ถือว่าการขาดวิตามินเอนั้นเป็นสาเหตุสำคัญของความบกพร่องทางตาเลยทีเดียว ทั้งนี้ ปริมาณวิตามินเอที่แนะนำให้บริโภคโดยเฉลี่ย คือ 700 ไมโครกรัม/วันในผู้ชาย และ 600 ไมโครกรัม/วันในผู้หญิง
✿ถั่วเหลือง Phosphatidylcholine
ถั่วเหลืองมีสาร Phosphatidylcholine ซึ่งมีโครงสร้างคล้าย phospholipidsที่เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ จึงมีสมบัติละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน การที่โครงสร้างเป็น lipid นั้นสามารถช่วยปกป้องไม่ให้น้ำตาระเหยออกไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ช่วยลดอาการตาแห้งได้ และยังป้องกันการเกิด oxidation ที่เลนส์ตา จึงช่วยช่วยชะลอความเสื่อมของเลนส์ได้ มีการศึกษาที่พบว่าการที่ร่างกายขาด phosphatidylcholine ส่งผลให้เกิดต้อกระจกได้สูงขึ้น และการรับประทานสารนี้เสริมเข้าไปทำให้ช่วยชะลอความรุนแรงของต้อกระจกได้ และยังมีข้อมูลว่ายังช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันของส่วนประกอบต่างๆในดวงตา โดยเฉพาะส่วนหน้า (anterior eye segment)
ข้อแนะนำในการรับประทาน
✿ รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า-เย็น







คำเตือน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค
|