Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

วิตามิน อาหารเสริม เวชสำอาง บำรุงผิว อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ

เข้าสู่ระบบ    | ยังไม่มีสินค้า  
หน้าแรก  รีวิวสินค้า  ปัญหาสุขภาพ  วิธีสั่งซื้อ  ข่าวสาร  แนะนำสินค้า  สาระน่ารู้  ติดต่อเรา 
  VITECH

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

บำรุงกระดูกและข้อ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทโรเฟล็กซ์ (ตรา ไวเทค) ประกอบไปด้วย แคลเซียม แมกนีเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและข้อ ช่วยเสริมการสะสมแร่ธาตุและการเจริญของกระดูก
รหัสสินค้า28010

ขนาด1 กล่อง
ราคาปกติ 1390 บาท
ผู้ผลิตVITECH
สถานะสินค้ามีสินค้า in stock
ราคาพิเศษ 1 ชิ้น 790 บาท
ราคาพิเศษ
    สั่งซื้อ  
การจัดส่ง FLASH EXPRESS ทุกวันจันทร์ - เสาร์ ตัดรอบ 11.00 น. (1-2 วันทำการ)
การชำระเงิน ดูรายละเอียด
 
รายละเอียดสินค้า
Vitech TEROFLEX 30 เม็ด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทโรเฟล็กซ์ (ตรา ไวเทค) กระดูกไม่เหมือนเครื่องจักร ที่ใช้งานไปนานๆแล้วมีจะเสื่อมโทรมลง แต่กระดูกมีกลไกทางธรรมชาติที่คอยควบคุมกระบวนการ สร้างและสลาย ให้เกิดขึ้นเองตลอดเวลา การซ่อมแซมจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าเราได้รับสารอาหารต่างๆที่ดีและเหมาะสม ร่วมกับการดูแลอื่นๆเช่น การบริหารและออกกำลังกายที่ถูกต้อง ภายในกระดูกจะมีเซลล์ที่สร้างกระดูกเรียกว่า ออสติโอบลาส(osteoblast) ส่วนเซลล์ที่สลายกระดูกเรียกว่า ออสติโอคลาสต์ (osteoclast) คอยควบคุมการสร้างและสลายของกระดูก ในวัยเด็กจะมีอัตราการสร้างที่มากกว่าอัตราการสลาย เด็กก็จะมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะค่อยๆชะลอการสร้างตอนเข้าสู่วัยรุ่น หรือ วัยที่ผู้หญิงเริ่มมีประจำเดือน และเมื่อเข้าสู่วัยชรา หรือ วัยผู้หญิงที่หมดประจำเดือน จะพบว่าอัตราการสลายมากกว่าอัตราการสร้างกระดูก จึงพบว่าคนสูงอายุ มักพบภาวะกระดูกบางมากกว่าวัยอื่น โดยพบว่าหลังหมดประจำเดือนใน 5 ปีแรก กระดูกจะบางลง25% และจะบางลงไปเรื่อยๆ ตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนจนถึงแก่ชีวิตได้ ภาวะกระดูกบางไม่ได้พบมากเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ชายก็พบได้ โดยเฉพาะในวัยสูงอายุมากกว่า 65 ปี พบว่าอัตราการสูญเสียใกล้เคียงกับวัยหมดประจำเดือน โดยพบว่า ฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโตสเตอโรน(testosterone) มีส่วนช่วยในการช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกเช่นเดียวกันกับ เอสโตรเจน(estrogen) ที่เป็นฮอร์โมนเพศหญิง นอกจากนั้นปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อเสื่อมอื่นๆ เช่น การอักเสบจากอนุมูลอิสระ พันธุกรรม น้ำหนักตัวที่มากเกินไป การยกของหนัก เป็นต้น หรือในผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่ให้นมบุตร ก็มีความต้องการแคลเซียมมากขึ้นให้แก่ลูก ก็จะมีความเสี่ยงที่จะกระดูกบางมากขึ้นเช่นกัน สุขภาพของกระดูกและข้อในอุดมคติ ต้องประกอบไปด้วย มีแกนกลางกระดูกที่แข็งแรง ไม่บางและไม่พรุน มีข้ออ่อนหรือกระดูกอ่อนหุ้มกระดูกที่สมบูรณ์ ไม่สึกหรอ ข้ออ่อนหุ้มกระดูกจะช่วยเพิ่มความลื่นและช่วยให้การเคลื่อนไหวสะดวก และมีน้ำเลี้ยงไขข้อที่เพียงพอเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกเสียดสีกัน การทำให้สุขภาพของกระดูกและข้ ออยู่ในอุดมคติได้นั้น ต้องเริ่มจากการลดปัจจัยที่จะไปทำลายกระดูกและข้อ เช่น การดื่มคาเฟอีน การแบกของหนักๆ หรือ มีน้ำหนักตัวเยอะ ร่วมกับการออกกำลังกาย และ รับประทานสารอาหารที่ไปช่วยสร้างและซ่อมแซมกระดูก ภาวะกระดูกและข้อเสื่อมแม้ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่เมื่อเกิดขึ้นจะทำให้คุณภาพชีวิตลดลง อาจทำให้เราขาดโอกาสที่จะทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับคนที่เรารัก หรือ เสียโอกาสในการทำกิจกรรมต่างๆไป จากผลของการวิจัยต่างๆเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ภาวะกระดูกบางสามารถป้องกันได้ ไม่ใช่ภาวะที่เกิดจากความชราเหมือนการผมหงอก หรือ ผิวเหี่ยวย่น เนื่องจากกระดูกสามารถซ่อมแซมและสร้างตัวใหม่ได้ถ้าได้รับการดูแลที่ดีและได้รับอาหารที่เหมาะสม แต่จะต้องได้รับการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ไม่ใช่รอให้กระดูกบางก่อน ดังนั้นอย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนแก่ชราแล้วค่อยมาเรียกหายาบำรุงข้อ เราควรหันมาเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพข้อและกระดูกตั้งแต่วันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า สารอาหารสำคัญสำหรับกระดูกและข้อต่อ ✿แคลเซียม Calcium 90% ของแคลเซียมอยู่ในกระดูก ปัญหาของการรับประทานแคลเซียมในปัจจุบันคือ การดูดซึมที่ต่ำ โดยเฉพาะแคลเซียมที่มาจากสิ่งไม่มีชีวิต เช่น แคลเซียมคาร์บอเนตจากหินปูน จะมีอัตราการดูดซึมต่ำกว่า เกาะตัวเป็นนิ่วง่าย มีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูก ส่วนแคลเซียมที่มาจากพืช เช่น แคลเซียมจากสาหร่าย เมื่อดูที่โครงสร้างของแคลเซียมคาร์บอเนตจากหินปูน พบว่ามีการจับตัวกันที่แน่นหนา ในขณะที่อความินแคลเซียมจากสาหร่ายจะมีโครงสร้างที่หลวมกว่า ทำให้การดูดซึมเข้าสู่กระดูกง่ายกว่า นอกจากนี้อความิน ยังมีแร่ธาตุอื่นๆเป็นส่วนประกอบ นอกเหนือจากแคลเซียมอีกหลายชนิด ที่ช่วยเสริมการสะสมแร่ธาตุและการเจริญของกระดูก ✿แมกนีเซียม (Magnesium Chelate) เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากของกระดูก โดยพบว่า 60% ของแมกนีเซียมในร่างกายอยู่ในกระดูก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1% ของแร่ธาตุในกระดูกทั้งหมด และมีความสำคัญในการสร้างกระดูกเนื่องจากเป็นตัวนำพาเอาแคลเซียมไปสะสมไว้ที่กระดูก ในการรับประทานที่ดีควรทำให้มีสัดส่วนของ แคลเซียมต่อแมกนีเซียม เท่ากับ 2:1 ✿วิตามิน ดี3 (Vitamin D3) วิตามินดี มีความสำคัญในการช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตจากลำไส้ไปสะสมไว้ในกระดูก เราสามารถรับวิตามินดีได้ทั้งจากอาหารและแสงแดด ยิ่งเมื่อเรามีอายุมากกว่า 60 ปี ร่างกายเราจะไม่สามารถสร้างวิตามินดีได้เองโดยธรรมชาติ ซึ่งต้องรับประทานจากอาหาร การที่วิตามินดีจะออกฤทธิ์ได้ต้องผ่านการเปลี่ยนรูปที่ตับและไตก่อน ตามลำดับ โดยพบว่าวิตามินดี 3 มีความสามารถในการจับกับตัวรับวิตามินดีบนตับ (VDR receptor) ได้ดีกว่าวิตามินดี 2 ทำให้สามารถเปลี่ยนเป็น Actived vitamin D ได้ดีกว่า ✿สังกะสี (Zinc amino acid chelate) เป็น cofactor สำคัญที่ช่วยในกระบวนการสร้างกระดูก มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีระดับของ ซิงค์ ในร่างกายต่ำ มีความสัมพันธ์กับการเกิดกระดูกพรุน ✿ทองแดง (Copper amino acid chelate) เป็น Enzymatic cofactor ที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยคงสภาพของกระดูกให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรง เช่น ช่วยในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูก, เป็น cofactor ของ Antioxidant Enzymes ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระต่างๆที่คอยทำลายกระดูก และ ช่วยยับยั้งกระบวนการทำลายกระดูก เป็นต้น ✿วิตามิน เค2 Vitamin K2 (MK-7) วิตามินเค เป็นวิตามินที่มีบทบาทหลายอย่าง ตามแต่ชนิดของวิตามินเคชนิด โดยวิตามินเคสองเป็นชนิดที่มีบทบาทสำคัญสำหรับกระดูก เป็นตัวที่คอยจัดระเบียบแคลเซียมให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เช่น ให้อยู่เฉพาะที่กระดูกและฟัน ไม่ให้มาเกาะตามหลอดเลือดเป็นต้น โดยพบว่าผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือหัวใจอุดตัน มักมีระดับวิตามินเคสองต่ำกว่าปกติ ซึ่งวิตามินเคสองก็ยังแบ่งออกเป็นอีกหลายชนิด โดยชนิดของวิตามินเคสองที่อยู่ในรูปอาหารเสริมที่พบในท้องตลาดปัจจุบัน ได้แก่ ชนิด MK4 และ MK7 ข้อแตกต่างคือ ชนิด MK4 มักจะเป็นแบบสังเคราะห์ แต่ชนิด MK7 จะได้มาจากการหมักจากแบคทีเรีย ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างวิตามินเคสองตามธรรมชาติ นอกจากนี้ MK7 ยังมีการดูดซึมได้ดีกว่าและอยู่ในร่างกายได้นานกว่าวิตามินเคสองชนิด MK4 ✿คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Undenatured Collagen Type II : UCII) คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่พบได้ในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อและหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 (Collagen Type 1, 3 และ 4) คอลลาเจนชนิดที่ 2 แบ่งออกเป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต โดยพบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 ชนิด Undenatured Collagen Type II (UCII) เป็นชนิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองมาก เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ผ่านความร้อนสูงและไม่ผ่านการย่อยสลายด้วยเอนไซม์ มีโครงสร้างเป็นแบบ Triple Helix Structure ทำให้สามารถออกฤทธิ์ได้บริเวณข้อ โดยลดอัตราการทำลายหรือความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ส่งผลให้ร่างกายกลับสู่ภาวะสมดุลของการซ่อมสร้างตามธรรมชาติ ✿น้ำมันคริลล์ (Krill oil) น้ำมันคริลล์ ประกอบไปด้วยโอเมก้า 3 ที่จับตัวกับ phospholipids ทำให้มีการละลายน้ำและดูดซึมได้ดี ในโอเมก้า 3 มีส่วนประกอบสำคัญ คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ที่มีฤทธิ์ลดการปาดเจ็บในร่างกายได้ นอกจากนี้ในน้ำมันคริลล์ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ Astaxanthin ซึ่งเป็นสารช่วยเสริมอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระต่างๆในร่างกายได้มากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า ✿ขมิ้นชัน (Turmeric) ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย ถูกนำมาใช้เป็นยาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบในทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ และต้านการอักเสบ ขมิ้นชันทั่วไปมีข้อจำกัดในเรื่องการละลายน้ำ ทำให้การดูดซึมเข้ากระแสเลือดเพื่อไปลดการบาดเจ็บในร่างกายเป็นไปได้ยาก หากเราสามารถพัฒนาขมิ้นชันให้มีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดีขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มสรรพคุณด้านการต้านอักเสบได้มากขึ้น สามารถนำมาใช้ในช่วยคลายการปาดเจ็บต่างๆได้ เช่น กระเพาะอักเสบ ข้อเข่าอักเสบ เป็นต้น ข้อแนะนำในการรับประทาน ✿รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหาร เช้า-เย็น

Vitech TEROFLEX 30 เม็ด

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทโรเฟล็กซ์ (ตรา ไวเทค)

   
   
กระดูกไม่เหมือนเครื่องจักร ที่ใช้งานไปนานๆแล้วมีจะเสื่อมโทรมลง แต่กระดูกมีกลไกทางธรรมชาติที่คอยควบคุมกระบวนการ สร้างและสลาย ให้เกิดขึ้นเองตลอดเวลา การซ่อมแซมจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าเราได้รับสารอาหารต่างๆที่ดีและเหมาะสม ร่วมกับการดูแลอื่นๆเช่น การบริหารและออกกำลังกายที่ถูกต้อง

    ภายในกระดูกจะมีเซลล์ที่สร้างกระดูกเรียกว่า ออสติโอบลาส(osteoblast) ส่วนเซลล์ที่สลายกระดูกเรียกว่า ออสติโอคลาสต์ (osteoclast) คอยควบคุมการสร้างและสลายของกระดูก ในวัยเด็กจะมีอัตราการสร้างที่มากกว่าอัตราการสลาย เด็กก็จะมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะค่อยๆชะลอการสร้างตอนเข้าสู่วัยรุ่น หรือ วัยที่ผู้หญิงเริ่มมีประจำเดือน และเมื่อเข้าสู่วัยชรา หรือ วัยผู้หญิงที่หมดประจำเดือน จะพบว่าอัตราการสลายมากกว่าอัตราการสร้างกระดูก จึงพบว่าคนสูงอายุ มักพบภาวะกระดูกบางมากกว่าวัยอื่น โดยพบว่าหลังหมดประจำเดือนใน 5 ปีแรก กระดูกจะบางลง25% และจะบางลงไปเรื่อยๆ ตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนจนถึงแก่ชีวิตได้ 

    ภาวะกระดูกบางไม่ได้พบมากเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ชายก็พบได้ โดยเฉพาะในวัยสูงอายุมากกว่า 65 ปี  พบว่าอัตราการสูญเสียใกล้เคียงกับวัยหมดประจำเดือน โดยพบว่า ฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโตสเตอโรน(testosterone) มีส่วนช่วยในการช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกเช่นเดียวกันกับ เอสโตรเจน(estrogen) ที่เป็นฮอร์โมนเพศหญิง นอกจากนั้นปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อเสื่อมอื่นๆ เช่น การอักเสบจากอนุมูลอิสระ พันธุกรรม น้ำหนักตัวที่มากเกินไป การยกของหนัก เป็นต้น หรือในผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่ให้นมบุตร ก็มีความต้องการแคลเซียมมากขึ้นให้แก่ลูก ก็จะมีความเสี่ยงที่จะกระดูกบางมากขึ้นเช่นกัน

    สุขภาพของกระดูกและข้อในอุดมคติ ต้องประกอบไปด้วย มีแกนกลางกระดูกที่แข็งแรง ไม่บางและไม่พรุน มีข้ออ่อนหรือกระดูกอ่อนหุ้มกระดูกที่สมบูรณ์ ไม่สึกหรอ ข้ออ่อนหุ้มกระดูกจะช่วยเพิ่มความลื่นและช่วยให้การเคลื่อนไหวสะดวก และมีน้ำเลี้ยงไขข้อที่เพียงพอเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกเสียดสีกัน การทำให้สุขภาพของกระดูกและข้  ออยู่ในอุดมคติได้นั้น ต้องเริ่มจากการลดปัจจัยที่จะไปทำลายกระดูกและข้อ เช่น การดื่มคาเฟอีน การแบกของหนักๆ หรือ  มีน้ำหนักตัวเยอะ ร่วมกับการออกกำลังกาย และ รับประทานสารอาหารที่ไปช่วยสร้างและซ่อมแซมกระดูก

    ภาวะกระดูกและข้อเสื่อมแม้ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่เมื่อเกิดขึ้นจะทำให้คุณภาพชีวิตลดลง อาจทำให้เราขาดโอกาสที่จะทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับคนที่เรารัก หรือ เสียโอกาสในการทำกิจกรรมต่างๆไป จากผลของการวิจัยต่างๆเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ภาวะกระดูกบางสามารถป้องกันได้ ไม่ใช่ภาวะที่เกิดจากความชราเหมือนการผมหงอก หรือ ผิวเหี่ยวย่น เนื่องจากกระดูกสามารถซ่อมแซมและสร้างตัวใหม่ได้ถ้าได้รับการดูแลที่ดีและได้รับอาหารที่เหมาะสม แต่จะต้องได้รับการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ไม่ใช่รอให้กระดูกบางก่อน ดังนั้นอย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนแก่ชราแล้วค่อยมาเรียกหายาบำรุงข้อ เราควรหันมาเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพข้อและกระดูกตั้งแต่วันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า

 

สารอาหารสำคัญสำหรับกระดูกและข้อต่อ

 
 แคลเซียม Calcium 
     90% ของแคลเซียมอยู่ในกระดูก ปัญหาของการรับประทานแคลเซียมในปัจจุบันคือ การดูดซึมที่ต่ำ โดยเฉพาะแคลเซียมที่มาจากสิ่งไม่มีชีวิต เช่น แคลเซียมคาร์บอเนตจากหินปูน จะมีอัตราการดูดซึมต่ำกว่า เกาะตัวเป็นนิ่วง่าย มีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูก ส่วนแคลเซียมที่มาจากพืช เช่น แคลเซียมจากสาหร่าย เมื่อดูที่โครงสร้างของแคลเซียมคาร์บอเนตจากหินปูน พบว่ามีการจับตัวกันที่แน่นหนา ในขณะที่อความินแคลเซียมจากสาหร่ายจะมีโครงสร้างที่หลวมกว่า ทำให้การดูดซึมเข้าสู่กระดูกง่ายกว่า นอกจากนี้อความิน ยังมีแร่ธาตุอื่นๆเป็นส่วนประกอบ นอกเหนือจากแคลเซียมอีกหลายชนิด ที่ช่วยเสริมการสะสมแร่ธาตุและการเจริญของกระดูก

 แมกนีเซียม (Magnesium Chelate) 
    เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากของกระดูก โดยพบว่า 60% ของแมกนีเซียมในร่างกายอยู่ในกระดูก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1% ของแร่ธาตุในกระดูกทั้งหมด และมีความสำคัญในการสร้างกระดูกเนื่องจากเป็นตัวนำพาเอาแคลเซียมไปสะสมไว้ที่กระดูก ในการรับประทานที่ดีควรทำให้มีสัดส่วนของ แคลเซียมต่อแมกนีเซียม เท่ากับ 2:1

 วิตามิน ดี3 (Vitamin D3)
   วิตามินดี มีความสำคัญในการช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตจากลำไส้ไปสะสมไว้ในกระดูก เราสามารถรับวิตามินดีได้ทั้งจากอาหารและแสงแดด ยิ่งเมื่อเรามีอายุมากกว่า 60 ปี ร่างกายเราจะไม่สามารถสร้างวิตามินดีได้เองโดยธรรมชาติ ซึ่งต้องรับประทานจากอาหาร การที่วิตามินดีจะออกฤทธิ์ได้ต้องผ่านการเปลี่ยนรูปที่ตับและไตก่อน ตามลำดับ โดยพบว่าวิตามินดี 3 มีความสามารถในการจับกับตัวรับวิตามินดีบนตับ (VDR receptor) ได้ดีกว่าวิตามินดี 2 ทำให้สามารถเปลี่ยนเป็น Actived vitamin D ได้ดีกว่า
 

 สังกะสี (Zinc amino acid chelate)
เป็น cofactor สำคัญที่ช่วยในกระบวนการสร้างกระดูก มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีระดับของ ซิงค์ ในร่างกายต่ำ มีความสัมพันธ์กับการเกิดกระดูกพรุน

 ทองแดง (Copper amino acid chelate)
   เป็น Enzymatic cofactor ที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยคงสภาพของกระดูกให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรง เช่น ช่วยในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูก, เป็น cofactor ของ Antioxidant Enzymes ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระต่างๆที่คอยทำลายกระดูก และ ช่วยยับยั้งกระบวนการทำลายกระดูก เป็นต้น

 วิตามิน เค2 Vitamin K2 (MK-7) 
   วิตามินเค เป็นวิตามินที่มีบทบาทหลายอย่าง ตามแต่ชนิดของวิตามินเคชนิด โดยวิตามินเคสองเป็นชนิดที่มีบทบาทสำคัญสำหรับกระดูก เป็นตัวที่คอยจัดระเบียบแคลเซียมให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เช่น ให้อยู่เฉพาะที่กระดูกและฟัน ไม่ให้มาเกาะตามหลอดเลือดเป็นต้น โดยพบว่าผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือหัวใจอุดตัน มักมีระดับวิตามินเคสองต่ำกว่าปกติ ซึ่งวิตามินเคสองก็ยังแบ่งออกเป็นอีกหลายชนิด โดยชนิดของวิตามินเคสองที่อยู่ในรูปอาหารเสริมที่พบในท้องตลาดปัจจุบัน ได้แก่ ชนิด MK4 และ MK7 ข้อแตกต่างคือ ชนิด MK4 มักจะเป็นแบบสังเคราะห์ แต่ชนิด MK7 จะได้มาจากการหมักจากแบคทีเรีย ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างวิตามินเคสองตามธรรมชาติ นอกจากนี้ MK7 ยังมีการดูดซึมได้ดีกว่าและอยู่ในร่างกายได้นานกว่าวิตามินเคสองชนิด MK4

 คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Undenatured Collagen Type II : UCII)
   คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่พบได้ในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อและหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 (Collagen Type 1, 3 และ 4) คอลลาเจนชนิดที่ 2 แบ่งออกเป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต โดยพบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 ชนิด Undenatured Collagen Type II (UCII) เป็นชนิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองมาก เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ผ่านความร้อนสูงและไม่ผ่านการย่อยสลายด้วยเอนไซม์ มีโครงสร้างเป็นแบบ Triple Helix Structure ทำให้สามารถออกฤทธิ์ได้บริเวณข้อ โดยลดอัตราการทำลายหรือความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ส่งผลให้ร่างกายกลับสู่ภาวะสมดุลของการซ่อมสร้างตามธรรมชาติ

 น้ำมันคริลล์ (Krill oil)
   น้ำมันคริลล์ ประกอบไปด้วยโอเมก้า 3 ที่จับตัวกับ phospholipids ทำให้มีการละลายน้ำและดูดซึมได้ดี ในโอเมก้า 3 มีส่วนประกอบสำคัญ คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ที่มีฤทธิ์ลดการปาดเจ็บในร่างกายได้ นอกจากนี้ในน้ำมันคริลล์ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ Astaxanthin ซึ่งเป็นสารช่วยเสริมอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระต่างๆในร่างกายได้มากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า

 ขมิ้นชัน (Turmeric)
   ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย ถูกนำมาใช้เป็นยาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบในทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ และต้านการอักเสบ ขมิ้นชันทั่วไปมีข้อจำกัดในเรื่องการละลายน้ำ ทำให้การดูดซึมเข้ากระแสเลือดเพื่อไปลดการบาดเจ็บในร่างกายเป็นไปได้ยาก หากเราสามารถพัฒนาขมิ้นชันให้มีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดีขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มสรรพคุณด้านการต้านอักเสบได้มากขึ้น สามารถนำมาใช้ในช่วยคลายการปาดเจ็บต่างๆได้ เช่น กระเพาะอักเสบ ข้อเข่าอักเสบ เป็นต้น
 

 

ข้อแนะนำในการรับประทาน

 รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหาร เช้า-เย็น
 

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

คำเตือน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค

สืบเนื่องจาก พรบ.โฆษณาอาหาร ทำให้ไม่สามารถใส่สรรพคุณสินค้าได้โดยตรง
ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID : @365Wecare
หรือโทรศัพท์สอบถามโดยตรงได้ที่เบอร์ 082-619-2414 ค่ะ



Copyright © 2011-2023 www.365wecare.com | Site Map