แพ็คคู่สุดคุ้ม Vitech Zymetrix-N 30 เม็ด + Vitech Biota 5 30แคปซูล. ไวเทค ไซเมทิค-เอ็น + ไวเทค ไบโอต้า5

วิตามิน อาหารเสริม เวชสำอาง บำรุงผิว อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ

เข้าสู่ระบบ    | ยังไม่มีสินค้า  
หน้าแรก  รีวิวสินค้า  ปัญหาสุขภาพ  วิธีสั่งซื้อ  ข่าวสาร  แนะนำสินค้า  สาระน่ารู้  ติดต่อเรา 
  VITECH

แพ็คคู่สุดคุ้ม Vitech Zymetrix-N 30 เม็ด + Vitech Biota 5 30แคปซูล. ไวเทค ไซเมทิค-เอ็น + ไวเทค ไบโอต้า5

ปรับสมดุลลำไส้ ย่อยอาหารและเผาผลาญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไซเมทิค-เอ็น (ตรา ไวเทค) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับ ผลิตภัณ์ที่เป็นเอนไซม์ เอนไซม์ย่อยอาหาร และ เอนไซม์ในการเผาผลาญพลังงาน ช่วยทำให้ระบบย่อยสมบูรณ์ สลายสารพิษตกค้าง ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมในเซลล์ ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ 5 สายพันธุ์ สามารถ ทนกรด ทนด่าง ทนความร้อนได้ ประกอบไปด้วยเอนไซม์ จากธรรมชาติหลายชนิด เป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ Biota 5 ประกอบไปด้วยโปรไบโอติค 5 สายพันธุ์ รวม 8000 ล้านตัว โดยได้คัดเลือกสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี ทั้งสภาวะที่เป็นกรด ด่าง หรืออุณหภูมิสูงๆ พร้อมเสริมด้วยอาหารของเชื้อ พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) จากธรรมชาติ เช่น กล้วย แอปเปิ้ล ขึ้นฉ่าย บล็อคโคลี ธัญพืชต่างๆ เป็นต้นซึ่งผลิตภัณฑ์โปรไบโอติคที่ดีควรจะมีทั้งเชื้อและอาหารเลี้ยงเชื้อร่วมกัน หรือเรียกว่า “ซินไบโอติค Synbiotics”
รหัสสินค้า28071-27995

ขนาด1 แพ็ค
ราคาปกติ 3180 บาท
ผู้ผลิตVITECH
สถานะสินค้ามีสินค้า in stock
PROMOTION       WOW!!!!!! แพ็คคู่สุดคุ้ม ด่วนจำนวนจำกัด!!!
ราคา 1,980 บาท
ราคาพิเศษ
    สั่งซื้อ  
การจัดส่ง FLASH EXPRESS ทุกวันจันทร์ - เสาร์ ตัดรอบ 11.00 น. (1-2 วันทำการ)
การชำระเงิน ดูรายละเอียด
 
รายละเอียดสินค้า
1.Vitech ZYMETIX-N 30 เม็ด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไซเมทิค-เอ็น (ตรา ไวเทค) Zymetrix-N เอนไซม์ คือ โปรตีนที่มีกรดอะมิโนสายยาว มีหน้าที่เร่งปฏิกริยาเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (Biocatalyst) ร่างกายต้องมี“เอนไซม์” ย่อยอาหารและเผาผลาญให้เกิดพลังงาน เพื่อกระตุ้นขบวนการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ “เอนไซม์ คือ พลังงานของชีวิต” ร่างกายที่ขาดอากาศจะอยู่ ได้ประมาณ 3-7 นาที แต่ถ้าขาดเอนไซม์ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 30 วินาที วิตามินและเกลือแร่ต่างๆที่เราทานจะเป็นเพียงเศษผงถ้าเราขาดเอนไซม์ “เอนไซม์” บางชนิดถ้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็จะไม่สามารถทำงานได้ ต้องมีโคเอนไซม์(วิตามินและเกลือแร่)เป็นตัวกระตุ้น สรุปได้ว่า วิตามินเกลือแร่จะไม่ทำงานถ้าปราศจากเอนไซม์ที่เป็นคู่ของมัน กินไปก็เปล่าประโยชน์ เราจึงต้องมั่นใจได้ว่าร่างกายของเรานั้นมีเอนไซม์เพียงพอตลอด Zymetrix-N ประกอบไปด้วยเอนไซม์จากธรรมชาติหลายชนิด ✿Rice Protein โปรตีนข้าว เอนไซม์จากธรรมชาติซึ่งมีหน้าที่ในการช่วยให้เอนไซม์อะไมเลสในร่างกายสามารถย่อยอาหารจำพวกแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ✿Wheatgrass หรือสารสกัดต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี อุดมไปด้วย เอ็นไซม์ โปรตีน วิตามินต่างๆ และแร่ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียม, แคลเซียม รวมไปถึงมีกรดอะมิโนจำเป็นถึง 17 ชนิด มีฤทธิ์ปกป้องอนุมูลอิสระที่เข้มข้น นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของ Digestive enzymes หลายชนิดทั้ง Amylase (สำหรับย่อยแป้ง), Protease (สำหรับย่อยโปรตีน), Lipase (สำหรับย่อยไขมัน) ✿Broccoli บรอกโคลีมีสารสำคัญที่ชื่อ Sulforaphane ทำหน้าที่ในการปกป้อง DNA ไม่ให้ถูกทำลาย และยังมีการส่งเสริมการสร้างสารปกป้องอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอย่างมากในร่างกาย ส่งผลให้ตับทำงานกำจัดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ✿Shiitake Mushroomเห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม มีสารสำคัญที่ชื่อ Beta-D-glucan ซึ่งเป็นสาร Polysaccharide ชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และคอยช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันไม่ให้ทำงานมากเกินไป ✿Ganoderma lucidum/ เห็ดหลินจือ มีสาร Polysaccharide ชนิด Beta-D-glucan ที่ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการทำงานของเซลล์มะเร็งแล้ว ยังมีสารกลุ่ม Triterpenoids หลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ รวมทั้งยังมีสารที่โดดเด่นในกลุ่มนี้ คือ กรดกาโนเดอริค (Ganoderic acid) และ ลูซิเดอนิค(Lucidenic acid) ที่มีคุณสมบัติเป็นตัวยับยั้งการหลั่งของสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ✿Mitake Mushroom/ เห็ดไมทาเกะ มีสารสำคัญที่ชื่อ Grifolan จัดเป็น Beta glucan Polysaccharide ชนิดหนึ่ง สามารถกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโคฟาจ (macrophage) จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบภูมิคุ้มกันในการดักจับสิ่งแปลกปลอมต่างๆในระดับเซลล์ ✿Cordyceps sinensis/ ถั่งเช่า เป็นสมุนไพรเก่าแก่ของจีน เดิมนำมาใช้เฉพาะราชนิกูลในการเพิ่มสมรรถนะในร่างกาย ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ปอด ไต และภูมิคุ้มกัน ทำให้เพิ่มฤทธิ์ปกป้องอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ถั่งเช่ายังช่วยขยายหลอดเลือด จึงช่วยความดันโลหิตได้ อีกทั้งมีงานวิจัยที่พบว่าถั่งเช่าช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในคน และกระตุ้นให้ระบบภูมิต้านทานต่อต้านมะเร็งได้เต็มที่ ✿Celeryขึ้นฉ่ายฝรั่ง มีสารฟลาโวนอยด์ชื่อ เอพิจีนิน (Epigenin) ที่มีคุณสมบัติในการลดสารที่ก่อให้การอักเสบในเลือด อีกทั้งขึ้นฉ่ายฝรั่งมยังมีน้ำมันหอมระเหย ลิโมนีน (Limonene) และซีลินีน (Selinene) มีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร ลดอาการจุกเสียด ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ มีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาท ช่วยให้หลับสบาย ลดปริมาณคอเลสเตอรอลและช่วยความดันโลหิตได้ด้วย ✿เอนไซม์จากจุลินทรีย์(Microorganism Enzyme) ในการนี้ควรจะต้องมีการคัดสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับเอนไซม์ที่ได้ด้วย เอนไซม์จากแบคทีเรียบางชนิดที่มีประโยชน์ ซึ่งสามารถทนกรด(ได้ถึง pH 1.5) ทนด่าง(ได้ถึง pH 9.5) ทนความร้อนได้ที่อุณหภูมิถึง 65 องศาเซลเซียส ทนคลอรีน ทนความเค็ม และสามารถเจริญได้ในที่ที่มีออกซิเจนต่ำได้ เช่น ►Pediococcus acidilactici สามารถสร้างกรดแลคติค และสาร Pediocins ที่สามารถหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้ ►Pediococcus pentosaceus สามารถสร้างกรดแลคติค และสาร Pediocins ที่สามารถหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้ ►Leuconostoc mesenteroides สามารถสร้างเอนไซม์มากมายอย่าง Amylase, Protease, Lipase, Peptidase, Sucrase เพื่อย่อยอาหารให้กลายเป็นสารอาหารโมเลกุลเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสร้างสารกรดแลคติคและ Nisins เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้ ►Pichia farinose สร้าง Toxins-killer สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของพวกยีสต์และทำให้พิษอย่าง Aflatoxins, Mycotoxins, Endotoxins หมดสภาพ ►Dekkera anomala สามารถย่อยแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดอะซิติคโดยไม่เปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ และช่วยผลิตเอนไซม์ Cellulase, Hemicellulase, Xylanase, Cellubloase, Amylase, Pectinase, Lignase, Arabinase และอื่นๆ ข้อแนะนำในการรับประทาน 1.ถ้าเราจะเสริมเอนไซม์เพื่อย่อยอาหาร ต้องทานพร้อมอาหารเลยทันที เพื่อให้อาหารคลุกเคล้ากับอาหารอย่างเต็มที่ในกระเพาะอาหารส่วนบน แต่ถ้าหากเราต้องการทานเอนไซม์เพื่อใช้เป็นเมตาบอลิคเอนไซม์ ต้องทานขณะท้องว่าง เอนไซม์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดผ่านลำไส้เล็กออกไปภายใน 5 นาทีที่เรากลืนเข้าไป เอนไซม์จะไม่ได้นำไปย่อยอาหาร แต่จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางอื่นแทน เช่น ถ้าเราจะใช้เอนไซม์โปรตีเอสไปเป็นเมตาบอลิคเอนไซม์ก็ต้องทานตอนท้องว่าง 2.เพื่อประโยชน์ช่วยย่อยอาหารให้สมบูรณ์ เสริมสุขภาพทั่วไป รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร ได้ทุกมื้ออาหาร 3.เพื่อประโยชน์การเป็นเมตาบอลิคเอนไซม์ เพื่อทำหน้าที่เร่งปฏิกริยาในการเผาผลาญอาหารและสร้างพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนระบบกลไกต่างๆของร่างกาย ก่อให้เกิดการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่างๆ รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 2-3 ครั้ง ก่อนอาหารหรือขณะท้องว่าง 4.การรับประทานเอนไซม์นั้นในช่วงแรก อาจมีลมในทางเดินอาหารในช่วงสัปดาห์แรก เนื่องจากเอนไซม์จะทำการย่อยสลายของเสียที่ตกค้างในทางเดินอาหารจึงเกิดแก๊ซขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นควรลดขนาดรับประทานลงเริ่มจากน้อยๆก่อน จึงค่อยๆเพิ่มเมื่ออาการดีขึ้น 10-1-8260-5-0112 2 .Vitech Biota 5 30s.(Synbiotic) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอาหาร ไบโอต้า ไฟว์ ลำไส้ เป็นอวัยวะที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพมาก แต่มักถูกละเลย ลำไส้เป็นทั้งสมองที่สองของร่างกาย เนื่องจากมันมีระบบสั่งการการทำงานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านสมอง และ เป็นหน่วยสร้างภูมิต้านทาน โดยพบว่า 70% ของเซลล์ภูมิต้านทานอยู่ที่ลำไส้ งานวิจัยเมื่อไม่นานนี้ ระบุว่า การมีปัญหากระเพาะและลำไส้ทำให้มีโอกาสที่จะเป็นโรคต่างๆ ง่ายขึ้นด้วย เช่น ไข้หวัด การที่ร่างกายมีสมดุลย์จุลินทรีย์ที่ดี จะทำให้ลำไส้แข็งแรง และเมื่อลำไส้แข็งแรงก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า“สุขภาพดี เริ่มต้นที่ลำไส้” ในร่างกายของเรามีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า กระจายตัวอยู่ตามอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ผม ผิว ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ไปจนถึงช่องคลอด หรือ แบคทีเรียตัวดี เราจะรู้จักกันในนาม “โปรไบโอติกส์ (Probiotics)” แต่จริงๆแล้วสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆในร่างกายของเราไม่ได้มีแค่แบคทีเรีย มันยังมีเชื้อไวรัส เชื้อรา และโปรโตซัว อีกด้วย ดังนั้นถ้าจะเรียกให้ถูกควรใช้คำว่า ไมโครไบโอต้า(Microbiota) โดยถ้านำจำนวนของไมโครไบโอต้าทั้งหมดในร่างกายมาชั่งรวมกัน พบว่ามีน้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัม หรือ เกือบเท่ากับขนาดสมองของมนุษย์เลยทีเดียว จุลินทรีย์ที่ดีจะช่วยควบคุมสมดุลย์ในร่างกายให้มีสุขภาพดีและปราศจากโรค โดยมีหน้าที่หลัก คือ คอยยึดเกาะตามผนังเซลล์ของอวัยวะต่างๆที่มันอาศัยอยู่ เพื่อไม่ให้เชื้อก่อโรคมารุกราน ช่วยย่อยใยอาหารให้กลายเป็นกรดไขมันสายสั้น ที่เป็นอาหารของผนังลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรงไม่ไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ไปจนถึงการกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกาย เป็นต้น Biota 5 ประกอบไปด้วยโปรไบโอติค 5 สายพันธุ์ รวม 8000 ล้านตัว โดยได้คัดเลือกสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี ทั้งสภาวะที่เป็นกรด ด่าง หรืออุณหภูมิสูงๆ พร้อมเสริมด้วยอาหารของเชื้อ พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) จากธรรมชาติ เช่น กล้วย แอปเปิ้ล ขึ้นฉ่าย บล็อคโคลี ธัญพืชต่างๆ เป็นต้นซึ่ งผลิตภัณฑ์โปรไบโอติคที่ดีควรจะมีทั้งเชื้อและอาหารเลี้ยงเชื้อร่วมกัน หรือเรียกว่า “ซินไบโอติค Synbiotics” พร้อมกับเลือกใช้นวัตกรรมแคปซูลชนิด DRcaps ซื้อสามารถป้องกันโปรไบโอติคถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะอีกชั้นหนึ่ง และยังสามารถนำส่งโปรไบโอติคเข้าสู่ลำไส้ได้เต็มที่ Biota 5 Probiotics ประกอบด้วย 5 สายพันธุ์ 1.Bacillus coagulans ปรับลำไส้ โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือสามารถสร้าง endospore เหมือนเกราะคอยปกป้องตัวเอง ทำให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ เช่น มีอัตราการรอดชีวิตสูงแม้เก็บที่อุณหภูมิห้องนานถึง 3 ปี, ทนอุณหภูมิสูงได้ถึง 105 องศาเซลเซียส ทำให้ไม่ถูกทำลายระหว่างกระบวนการผลิตและการขนส่ง, ทนต่อสภาวะกรดในกระเพาะอาหาร และสภาวะของเกลือน้ำดีได้ ทำให้มีปริมาณเชื้อที่เพียงพอที่จะไปถึงลำไส้ใหญ่และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายประโยชน์ของ B.Coagulans เช่น ✿ท้องผูกโดยพบว่าทำให้อุจจาระมีลักษณะที่ดีขึ้น เพิ่มจำนวนครั้งในการขับถ่ายอุจจาระ โดยพบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองมีอัตราการตอบสนองถึง 70% เมื่อรับประทาน Bacillus coagulans ขนาด 300-750 M CFU/วัน เป็นระยะเวลา 2-10 วัน ✿ลำไส้แปรปรวนจากการศึกษาพบว่า Bacillus coagulans สามารถลดอาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 12 สัปดาห์ ✿ท้องเสียจากการศึกษาพบว่า Bacillus coagulans สามารถลดอาการท้องเสียฉับพลัน ท้องเสียจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส และท้องเสียจากการรับประทานยาปฏิชีวนะ ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรับประทาน Bacillus coagulans ขนาด 100-600 M CFU/วัน เป็นระยะเวลา 2-12 วัน ✿ฤทธิ์ต้านมะเร็งมีการศึกษาพบว่า Bacillus coagulans สามารถลดการเจริญของเซลล์มะเร็งในมนุษย์ได้ โดยไปชักนำการเกิดการตายของเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ (apoptosis) ✿ประโยชน์ในด้านอื่นๆเช่น ช่วยลดคอเลสเตอรอล, อาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด, ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ E.coli, ช่วยลดอาการ lactose intolerance 2.Lactobacillus rhamnosus GG (LGG) ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนัง โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือ เจริญเติบโตได้เป็นกลุ่มๆ ทำให้สามารถยึดเกาะผนังลำไส้ได้ดี ไม่หลุดง่าย เป็นสายพันธุ์ที่เด่นในเรื่องของภูมิแพ้ต่างๆ โดยมีการศึกษาถึงความปลอดภัย พบว่าสามารถรับประทานได้ตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการเกิดแพ้ผิวหนังในเด็ก ✿มีการศึกษาโดยการให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่มีประวัติการเป็นโรค Atopic Dermatitis หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รับประทาน LGG จำนวน 10,000 MCFU/วัน เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ พบว่าลดอุบัติการณ์การเกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเมื่อเด็กอายุครบ2 ปี, 4 ปี, 7 ปี ได้ 49%, 43% และ 36% ตามลำดับ 3.Lactobacillus acidophilus แพ้น้ำตาลแลคโตส โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือ ตัวมันสามารถผลิตกรด lactic ได้ โดยการไปผลิตเอนไซม์ lactase ให้ไปย่อยน้ำตาล lactose จากน้ำตาลและนม จนได้เป็นกรด lactic ออกมา ทำให้สามารถใช้ในการช่วยลดอาการแพ้น้ำตาลแลคโตส (Lactose intolerance) หรือที่เรียกว่า “แพ้นม” ได้ ✿มีการศึกษาในผู้ที่มีภาวะแพ้น้ำตาลแลคโตส โดยให้รับประทาน Lactobacillus acidophilus เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าสามารถช่วยลดอาการแพ้น้ำตาลแลคโตส เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อย่างมีนัยสำคัญ ✿นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาว่า Lactobacillus acidophilus สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ จากการศึกษาในเด็กที่มีอายุ 3-5 ปี จำนวน 326 คน เป็นระยะเวลา 6 เดือน พบว่า สามารถลดอุบัติการณ์การเป็นไข้ลงได้ 73%, อาการไอลดลง 62% และลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงได้ 84% 4.Bifidobacterium longum (B. longum) เป็นจุลินทรีย์ตัวดี มักอาศัยอยู่บริเวณทางเดินอาหาร และเป็นแบคทีเรียที่มักพบในน้ำนมแม่ เป็นสายพันธุ์ที่มีประโยชน์หลายด้าน เช่น ✿ลำไส้ช่วยเรื่องระบบลำไส้ ปรับpH ในทางเดินอาหารให้เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลทางเดินอาหารให้แข็งแรง, ต้านการอักเสบจากโรคโครห์น (โรคที่เกิดการอักเสบเรื้อรังของระบบทางเดินอาหารหรือลำไส้)และ โรคลำไส้อักเสบ, ลดอาการโคลิกในเด็กทารก เป็นต้น ✿ภูมิแพ้ป้องกันการติดเชื้อต่างๆในร่างกาย, ลดอาการภูมิแพ้ สารก่อภูมิแพ้ต่างๆในร่างกาย ✿นอกจากนี้ยังช่วยสังเคราะห์วิตามิน B ที่มีผลในการลดระดับ homocysteine ในเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต และมีงานวิจัยพบว่า B. longum สามารถลดภาวะซึมเศร้าและลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลได้ด้วย 5. Bifidobacterium lactis (B. lactis) โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือ เป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อกรดและน้ำดีในทางเดินอาหาร ทำให้สามารถมีชีวิตรอดถึงลำไส้ มักพบได้ในเด็กสุขภาพดีที่ดื่มนมแม่ ช่วยย่อยอาหาร ต้านการติดเชื้อ และมีความสัมพันธ์กับ ✿LGG และ B. lactis สามารถจับกับไวรัสหลายชนิด เช่น โรต้าไวรัส Rotavirus ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ ✿นอกจากนี้มีการศึกษาที่พบว่า B. lactisสามารถป้องกันภาวะน้ำหนักเยอะหลังคลอดได้ โดยพบว่าเมื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาสแรกรับประทาน LGG และ B. Lactis ไปจนถึงหลังคลอด 6 เดือน พบภาวะน้ำหนักลงพุงในกลุ่มที่รับประทานโปรไบโอติกส์ 25% ในขณะกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานโปรไบโอติกส์มีภาวะน้ำหนักเยอะลงพุงถึง 43% ข้อแนะนำในการรับประทาน 1.ถึงแม้ว่า Probiotics ควรกินตอนท้องว่างจะดีกว่า แต่ Biota 5 ใช้เทคโนโลยีแคปซูล DRcaps ที่สามารถช่วยป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ไปแตกตัว ส่ง Probiotics เหล่านั้นให้ถึงลำไส้ซึ่งมีความเป็นด่างได้อย่างปลอดภัย จึงสามารถรัลประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ 2.รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1-2 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหาร อย.101826050111

1.Vitech ZYMETIX-N 30 เม็ด

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไซเมทิค-เอ็น (ตรา ไวเทค)

 

Zymetrix-N

 

   เอนไซม์ คือ โปรตีนที่มีกรดอะมิโนสายยาว มีหน้าที่เร่งปฏิกริยาเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (Biocatalyst) ร่างกายต้องมี“เอนไซม์” ย่อยอาหารและเผาผลาญให้เกิดพลังงาน เพื่อกระตุ้นขบวนการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ  “เอนไซม์ คือ พลังงานของชีวิต” ร่างกายที่ขาดอากาศจะอยู่ ได้ประมาณ 3-7 นาที แต่ถ้าขาดเอนไซม์ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 30 วินาที วิตามินและเกลือแร่ต่างๆที่เราทานจะเป็นเพียงเศษผงถ้าเราขาดเอนไซม์ “เอนไซม์” บางชนิดถ้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็จะไม่สามารถทำงานได้ ต้องมีโคเอนไซม์(วิตามินและเกลือแร่)เป็นตัวกระตุ้น สรุปได้ว่า วิตามินเกลือแร่จะไม่ทำงานถ้าปราศจากเอนไซม์ที่เป็นคู่ของมัน กินไปก็เปล่าประโยชน์ เราจึงต้องมั่นใจได้ว่าร่างกายของเรานั้นมีเอนไซม์เพียงพอตลอด

 

Zymetrix-N ประกอบไปด้วยเอนไซม์จากธรรมชาติหลายชนิด

 
 Rice Protein โปรตีนข้าว เอนไซม์จากธรรมชาติซึ่งมีหน้าที่ในการช่วยให้เอนไซม์อะไมเลสในร่างกายสามารถย่อยอาหารจำพวกแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น  
 
 Wheatgrass หรือสารสกัดต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี อุดมไปด้วย เอ็นไซม์ โปรตีน วิตามินต่างๆ และแร่ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียม, แคลเซียม รวมไปถึงมีกรดอะมิโนจำเป็นถึง 17 ชนิด มีฤทธิ์ปกป้องอนุมูลอิสระที่เข้มข้น นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของ Digestive enzymes หลายชนิดทั้ง Amylase (สำหรับย่อยแป้ง), Protease (สำหรับย่อยโปรตีน), Lipase (สำหรับย่อยไขมัน)
 
 Broccoli บรอกโคลี มีสารสำคัญที่ชื่อ Sulforaphane ทำหน้าที่ในการปกป้อง DNA ไม่ให้ถูกทำลาย และยังมีการส่งเสริมการสร้างสารปกป้องอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอย่างมากในร่างกาย ส่งผลให้ตับทำงานกำจัดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
 
 Shiitake Mushroom เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม มีสารสำคัญที่ชื่อ Beta-D-glucan ซึ่งเป็นสาร Polysaccharide ชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และคอยช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันไม่ให้ทำงานมากเกินไป 
 
 Ganoderma lucidum / เห็ดหลินจือ มีสาร Polysaccharide ชนิด Beta-D-glucan ที่ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการทำงานของเซลล์มะเร็งแล้ว ยังมีสารกลุ่ม Triterpenoids หลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ รวมทั้งยังมีสารที่โดดเด่นในกลุ่มนี้ คือ กรดกาโนเดอริค (Ganoderic acid) และ ลูซิเดอนิค (Lucidenic acid) ที่มีคุณสมบัติเป็นตัวยับยั้งการหลั่งของสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง
 
 Mitake Mushroom / เห็ดไมทาเกะ มีสารสำคัญที่ชื่อ Grifolan จัดเป็น Beta glucan Polysaccharide ชนิดหนึ่ง สามารถกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโคฟาจ (macrophage) จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบภูมิคุ้มกันในการดักจับสิ่งแปลกปลอมต่างๆในระดับเซลล์ 
 
 Cordyceps sinensis / ถั่งเช่า เป็นสมุนไพรเก่าแก่ของจีน เดิมนำมาใช้เฉพาะราชนิกูลในการเพิ่มสมรรถนะในร่างกาย ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ปอด ไต และภูมิคุ้มกัน ทำให้เพิ่มฤทธิ์ปกป้องอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ถั่งเช่ายังช่วยขยายหลอดเลือด จึงช่วยความดันโลหิตได้ อีกทั้งมีงานวิจัยที่พบว่าถั่งเช่าช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในคน และกระตุ้นให้ระบบภูมิต้านทานต่อต้านมะเร็งได้เต็มที่
 
 Celery ขึ้นฉ่ายฝรั่ง มีสารฟลาโวนอยด์ชื่อ เอพิจีนิน (Epigenin) ที่มีคุณสมบัติในการลดสารที่ก่อให้การอักเสบในเลือด อีกทั้งขึ้นฉ่ายฝรั่งมยังมีน้ำมันหอมระเหย ลิโมนีน (Limonene) และซีลินีน (Selinene) มีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร ลดอาการจุกเสียด ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ มีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาท ช่วยให้หลับสบาย ลดปริมาณคอเลสเตอรอลและช่วยความดันโลหิตได้ด้วย
 
 เอนไซม์จากจุลินทรีย์ (Microorganism Enzyme) ในการนี้ควรจะต้องมีการคัดสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับเอนไซม์ที่ได้ด้วย เอนไซม์จากแบคทีเรียบางชนิดที่มีประโยชน์ ซึ่งสามารถทนกรด(ได้ถึง pH 1.5) ทนด่าง(ได้ถึง pH 9.5) ทนความร้อนได้ที่อุณหภูมิถึง 65 องศาเซลเซียส ทนคลอรีน ทนความเค็ม และสามารถเจริญได้ในที่ที่มีออกซิเจนต่ำได้ เช่น 
     Pediococcus acidilactici สามารถสร้างกรดแลคติค และสาร Pediocins ที่สามารถหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้
     Pediococcus pentosaceus สามารถสร้างกรดแลคติค และสาร Pediocins ที่สามารถหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้
     Leuconostoc mesenteroides สามารถสร้างเอนไซม์มากมายอย่าง Amylase, Protease, Lipase, Peptidase, Sucrase เพื่อย่อยอาหารให้กลายเป็นสารอาหารโมเลกุลเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสร้างสารกรดแลคติคและ Nisins เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทั้งแกรมบวกและแกรมลบหลายชนิดที่ก่อเกิดโรคได้ 
     Pichia farinose สร้าง Toxins-killer สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของพวกยีสต์และทำให้พิษอย่าง Aflatoxins, Mycotoxins, Endotoxins หมดสภาพ
     Dekkera anomala สามารถย่อยแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดอะซิติคโดยไม่เปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ และช่วยผลิตเอนไซม์ Cellulase, Hemicellulase, Xylanase, Cellubloase, Amylase, Pectinase, Lignase, Arabinase และอื่นๆ
 
 

ข้อแนะนำในการรับประทาน

 
1.ถ้าเราจะเสริมเอนไซม์เพื่อย่อยอาหาร ต้องทานพร้อมอาหารเลยทันที เพื่อให้อาหารคลุกเคล้ากับอาหารอย่างเต็มที่ในกระเพาะอาหารส่วนบน แต่ถ้าหากเราต้องการทานเอนไซม์เพื่อใช้เป็นเมตาบอลิคเอนไซม์ ต้องทานขณะท้องว่าง เอนไซม์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดผ่านลำไส้เล็กออกไปภายใน 5 นาทีที่เรากลืนเข้าไป เอนไซม์จะไม่ได้นำไปย่อยอาหาร แต่จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางอื่นแทน เช่น ถ้าเราจะใช้เอนไซม์โปรตีเอสไปเป็นเมตาบอลิคเอนไซม์ก็ต้องทานตอนท้องว่าง
 
2.เพื่อประโยชน์ช่วยย่อยอาหารให้สมบูรณ์ เสริมสุขภาพทั่วไป รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร ได้ทุกมื้ออาหาร
 
3.เพื่อประโยชน์การเป็นเมตาบอลิคเอนไซม์ เพื่อทำหน้าที่เร่งปฏิกริยาในการเผาผลาญอาหารและสร้างพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนระบบกลไกต่างๆของร่างกาย ก่อให้เกิดการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่างๆ รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 2-3 ครั้ง ก่อนอาหารหรือขณะท้องว่าง
 
4.การรับประทานเอนไซม์นั้นในช่วงแรก อาจมีลมในทางเดินอาหารในช่วงสัปดาห์แรก เนื่องจากเอนไซม์จะทำการย่อยสลายของเสียที่ตกค้างในทางเดินอาหารจึงเกิดแก๊ซขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นควรลดขนาดรับประทานลงเริ่มจากน้อยๆก่อน จึงค่อยๆเพิ่มเมื่ออาการดีขึ้น
10-1-8260-5-0112
 
 
 

 

2 .Vitech Biota 5 30s.(Synbiotic)

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอาหาร ไบโอต้า ไฟว์

       ลำไส้ เป็นอวัยวะที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพมาก แต่มักถูกละเลย ลำไส้เป็นทั้งสมองที่สองของร่างกาย เนื่องจากมันมีระบบสั่งการการทำงานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านสมอง และ เป็นหน่วยสร้างภูมิต้านทาน โดยพบว่า 70% ของเซลล์ภูมิต้านทานอยู่ที่ลำไส้ งานวิจัยเมื่อไม่นานนี้ ระบุว่า การมีปัญหากระเพาะและลำไส้ทำให้มีโอกาสที่จะเป็นโรคต่างๆ ง่ายขึ้นด้วย เช่น ไข้หวัด การที่ร่างกายมีสมดุลย์จุลินทรีย์ที่ดี จะทำให้ลำไส้แข็งแรง และเมื่อลำไส้แข็งแรงก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า “สุขภาพดี เริ่มต้นที่ลำไส้”

 
   ในร่างกายของเรามีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า กระจายตัวอยู่ตามอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ผม ผิว ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ไปจนถึงช่องคลอด หรือ แบคทีเรียตัวดี เราจะรู้จักกันในนาม “โปรไบโอติกส์ (Probiotics)” แต่จริงๆแล้วสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆในร่างกายของเราไม่ได้มีแค่แบคทีเรีย  มันยังมีเชื้อไวรัส เชื้อรา และโปรโตซัว อีกด้วย ดังนั้นถ้าจะเรียกให้ถูกควรใช้คำว่า ไมโครไบโอต้า(Microbiota) โดยถ้านำจำนวนของไมโครไบโอต้าทั้งหมดในร่างกายมาชั่งรวมกัน พบว่ามีน้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัม หรือ เกือบเท่ากับขนาดสมองของมนุษย์เลยทีเดียว 


   จุลินทรีย์ที่ดีจะช่วยควบคุมสมดุลย์ในร่างกายให้มีสุขภาพดีและปราศจากโรค โดยมีหน้าที่หลัก คือ คอยยึดเกาะตามผนังเซลล์ของอวัยวะต่างๆที่มันอาศัยอยู่ เพื่อไม่ให้เชื้อก่อโรคมารุกราน ช่วยย่อยใยอาหารให้กลายเป็นกรดไขมันสายสั้น ที่เป็นอาหารของผนังลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรงไม่ไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ไปจนถึงการกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกาย เป็นต้น


   Biota 5 ประกอบไปด้วยโปรไบโอติค 5 สายพันธุ์ รวม 8000 ล้านตัว โดยได้คัดเลือกสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี ทั้งสภาวะที่เป็นกรด ด่าง หรืออุณหภูมิสูงๆ พร้อมเสริมด้วยอาหารของเชื้อ พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) จากธรรมชาติ เช่น กล้วย แอปเปิ้ล ขึ้นฉ่าย บล็อคโคลี ธัญพืชต่างๆ เป็นต้นซึ่ งผลิตภัณฑ์โปรไบโอติคที่ดีควรจะมีทั้งเชื้อและอาหารเลี้ยงเชื้อร่วมกัน หรือเรียกว่า “ซินไบโอติค Synbiotics” พร้อมกับเลือกใช้นวัตกรรมแคปซูลชนิด DRcaps ซื้อสามารถป้องกันโปรไบโอติคถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะอีกชั้นหนึ่ง และยังสามารถนำส่งโปรไบโอติคเข้าสู่ลำไส้ได้เต็มที่

 

Biota 5 Probiotics ประกอบด้วย 5 สายพันธุ์

1.Bacillus coagulans

 ปรับลำไส้ 

    โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือสามารถสร้าง endospore เหมือนเกราะคอยปกป้องตัวเอง ทำให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ เช่น มีอัตราการรอดชีวิตสูงแม้เก็บที่อุณหภูมิห้องนานถึง 3 ปี, ทนอุณหภูมิสูงได้ถึง 105 องศาเซลเซียส ทำให้ไม่ถูกทำลายระหว่างกระบวนการผลิตและการขนส่ง, ทนต่อสภาวะกรดในกระเพาะอาหาร และสภาวะของเกลือน้ำดีได้ ทำให้มีปริมาณเชื้อที่เพียงพอที่จะไปถึงลำไส้ใหญ่และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกาย ประโยชน์ของ B.Coagulans เช่น

✿ ท้องผูก โดยพบว่าทำให้อุจจาระมีลักษณะที่ดีขึ้น เพิ่มจำนวนครั้งในการขับถ่ายอุจจาระ โดยพบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองมีอัตราการตอบสนองถึง 70% เมื่อรับประทาน Bacillus coagulans ขนาด 300-750 M CFU/วัน เป็นระยะเวลา 2-10 วัน

✿ ลำไส้แปรปรวน จากการศึกษาพบว่า Bacillus coagulans สามารถลดอาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 12 สัปดาห์

✿ ท้องเสีย  จากการศึกษาพบว่า Bacillus coagulans สามารถลดอาการท้องเสียฉับพลัน ท้องเสียจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส และท้องเสียจากการรับประทานยาปฏิชีวนะ ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรับประทาน Bacillus coagulans ขนาด 100-600 M CFU/วัน เป็นระยะเวลา 2-12 วัน 

✿ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง มีการศึกษาพบว่า Bacillus coagulans สามารถลดการเจริญของเซลล์มะเร็งในมนุษย์ได้ โดยไปชักนำการเกิดการตายของเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ (apoptosis)

✿ ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยลดคอเลสเตอรอล, อาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด, ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ E.coli, ช่วยลดอาการ lactose intolerance

 

2.Lactobacillus rhamnosus GG (LGG) 

 ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนัง

   โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือ เจริญเติบโตได้เป็นกลุ่มๆ ทำให้สามารถยึดเกาะผนังลำไส้ได้ดี ไม่หลุดง่าย เป็นสายพันธุ์ที่เด่นในเรื่องของภูมิแพ้ต่างๆ โดยมีการศึกษาถึงความปลอดภัย พบว่าสามารถรับประทานได้ตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการเกิดแพ้ผิวหนังในเด็ก

    มีการศึกษาโดยการให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่มีประวัติการเป็นโรค Atopic Dermatitis หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รับประทาน LGG จำนวน 10,000 M  CFU/วัน เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ พบว่าลดอุบัติการณ์การเกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเมื่อเด็กอายุครบ  2 ปี, 4 ปี, 7 ปี ได้ 49%, 43% และ 36% ตามลำดับ
 

3.Lactobacillus acidophilus

 แพ้น้ำตาลแลคโตส

   โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือ ตัวมันสามารถผลิตกรด lactic ได้ โดยการไปผลิตเอนไซม์ lactase ให้ไปย่อยน้ำตาล lactose จากน้ำตาลและนม จนได้เป็นกรด lactic ออกมา ทำให้สามารถใช้ในการช่วยลดอาการแพ้น้ำตาลแลคโตส (Lactose intolerance) หรือที่เรียกว่า “แพ้นม” ได้

   มีการศึกษาในผู้ที่มีภาวะแพ้น้ำตาลแลคโตส โดยให้รับประทาน Lactobacillus acidophilus เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าสามารถช่วยลดอาการแพ้น้ำตาลแลคโตส เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อย่างมีนัยสำคัญ

   นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาว่า Lactobacillus acidophilus สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ จากการศึกษาในเด็กที่มีอายุ 3-5 ปี จำนวน 326 คน เป็นระยะเวลา 6 เดือน พบว่า สามารถลดอุบัติการณ์การเป็นไข้ลงได้ 73%, อาการไอลดลง 62% และลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงได้ 84%

4.Bifidobacterium longum (B. longum)

     เป็นจุลินทรีย์ตัวดี มักอาศัยอยู่บริเวณทางเดินอาหาร และเป็นแบคทีเรียที่มักพบในน้ำนมแม่ เป็นสายพันธุ์ที่มีประโยชน์หลายด้าน เช่น 

✿ ลำไส้  ช่วยเรื่องระบบลำไส้ ปรับpH ในทางเดินอาหารให้เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลทางเดินอาหารให้แข็งแรง, ต้านการอักเสบจากโรคโครห์น (โรคที่เกิดการอักเสบเรื้อรังของระบบทางเดินอาหารหรือลำไส้)และ โรคลำไส้อักเสบ, ลดอาการโคลิกในเด็กทารก เป็นต้น

✿ ภูมิแพ้ ป้องกันการติดเชื้อต่างๆในร่างกาย, ลดอาการภูมิแพ้ สารก่อภูมิแพ้ต่างๆในร่างกาย

✿ นอกจากนี้ ยังช่วยสังเคราะห์วิตามิน B ที่มีผลในการลดระดับ homocysteine ในเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต และมีงานวิจัยพบว่า B. longum สามารถลดภาวะซึมเศร้าและลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลได้ด้วย

  

5. Bifidobacterium lactis (B. lactis)

     โปรไบโอติกส์สายพันธุ์นี้ มีจุดเด่น คือ เป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อกรดและน้ำดีในทางเดินอาหาร ทำให้สามารถมีชีวิตรอดถึงลำไส้ มักพบได้ในเด็กสุขภาพดีที่ดื่มนมแม่ ช่วยย่อยอาหาร ต้านการติดเชื้อ และมีความสัมพันธ์กับ

     LGG และ B. lactis สามารถจับกับไวรัสหลายชนิด เช่น โรต้าไวรัส Rotavirus ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้

     นอกจากนี้มีการศึกษาที่พบว่า B. lactis สามารถป้องกันภาวะน้ำหนักเยอะหลังคลอดได้ โดยพบว่าเมื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาสแรกรับประทาน LGG และ B. Lactis ไปจนถึงหลังคลอด 6 เดือน พบภาวะน้ำหนักลงพุงในกลุ่มที่รับประทานโปรไบโอติกส์ 25% ในขณะกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานโปรไบโอติกส์มีภาวะน้ำหนักเยอะลงพุงถึง 43%

  

ข้อแนะนำในการรับประทาน


1. ถึงแม้ว่า Probiotics ควรกินตอนท้องว่างจะดีกว่า แต่ Biota 5 ใช้เทคโนโลยีแคปซูล DRcaps ที่สามารถช่วยป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ไปแตกตัว ส่ง Probiotics เหล่านั้นให้ถึงลำไส้ซึ่งมีความเป็นด่างได้อย่างปลอดภัย จึงสามารถรัลประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้

2. รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1-2 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหาร

อย.101826050111

 

คำเตือน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค

สืบเนื่องจาก พรบ.โฆษณาอาหาร ทำให้ไม่สามารถใส่สรรพคุณสินค้าได้โดยตรง
ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE ID : @365Wecare
หรือโทรศัพท์สอบถามโดยตรงได้ที่เบอร์ 082-619-2414 ค่ะ



Copyright © 2011-2023 www.365wecare.com | Site Map