ไรฝุ่น เป็นแมลงที่มีขนาดเล็กมากอยู่ปะปนกับฝุ่นภายในบ้าน จะกินผิวหนังของมนุษย์ที่ถูกผลัดออกมาเป็นอาหาร คนที่แพ้ไรฝุ่น เมื่อหายใจเอาอากาศที่มีไรฝุ่นเข้าไปอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในระบบทางเดินหายใจได้ โดยไรฝุ่นที่พบได้บ่อยและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ มี 2 ชนิด คือ Dermatophagoides pteronyssinus (DP) และ Dermatophagoides farinae (DF)
10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับไรฝุ่น
- ไรฝุ่น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้
- โรคหอบหืดในประเทศไทยมีสาเหตุมาจากการแพ้สารภูมิแพ้ชนิดไรฝุ่น
- ร่างกายของเรา ได้รับสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่น โดยการสูดดมมูลของตัวไร
- อาการของโรคภูมิแพ้ลดลงหากหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะตัวไรฝุ่น
- ไรฝุ่นอยู่ในกลุ่มเดียวกับแมงมุม ตัวหิด และเห็บ
- โปรตีนที่อยู่ในสิ่งปฏิกูลและเปลือกหรือซากของไรฝุ่น เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้
- ตัวไรฝุ่นจะปล่อยสิ่งปฏิกูลวันละประมาณ 4 ชิ้น
- ขณะที่เรานอนหลับ เมื่อมีการพลิกตัว ตัวไรและสิ่งปฏิกูลของมันจะกระจายฟุ้งขึ้นมาในอากาศ และลอยอยู่ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง
- ในประเทศไทยพบว่า ที่นอนตามบ้านเรือนส่วนใหญ่ มีสารแพ้จากไรฝุ่นสูงเกิน 2 ไมโครกรัมในฝุ่น 1 กรัม แทบทั้งสิ้น
- ที่นอนฟูกหนาๆ ไม่แนะนำให้ตากแดด ไรฝุ่นจะหนีความร้อนจากด้านบนไปสะสมอยู่ด้านล่างและสารภูมิแพ้เป็นโปรตีนที่สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 100 องศาเซลเซียส
การวินิจฉัยอาการของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ร่วมกับดูอาการของโรค หากสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น อาจตรวจเพิ่มเติมโดยการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test, SPT) หรือการเจาะเลือดตรวจภูมิจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ (Specific IgE Blood Test)
การรักษาโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น ทำได้โดย
1. จัดการที่ต้นเหตุ คือ กำจัดตัวไรฝุ่น
- ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยแนะนำให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น
- ใช้เครื่องกรองอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศ ชนิด HEPA filter
- หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน
- ควรซักทำความสะอาดเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนประมาณ 60 องซาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 30 นาที อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อฆ่าไรฝุ่น
- ควรนำเครื่องนอนออกตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที
- ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนควรทำมาจากผ้ากันไรฝุ่น หรือผ้าที่มีเส้นใยถี่แน่น มีรูห่างของผ้าทอเล็กมาก ซึ่งสามารถลดการเล็ดลอดของไรฝุ่นออกมาได้
- หลีกเลี่ยงการใช้พรม เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น
2. รักษาโดยการใช้ยา เช่น
- ยาแก้แพ้ (Antihistamines) เพื่อลดอาการคันจมูก น้ำมูกไหล ผื่นแพ้
- ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (Nasal corticosteroids) เพื่อลดอาการบวมในโพรงจมูก ลดอาการคัดจมูก
- ยาสเตียรอยด์ชนิดทา (Topical corticosteroids) เพื่อลดอาการคัน อาการอักเสบบริเวณผิวหนัง โดยความแรงที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามบริเวณที่เป็น
- ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน (Oral corticosteroids) กรณีที่มีอาการแพ้รุนแรง
- ยาฆ่าเชื้อ (Antibiotics) กรณีที่มีการติดเชื้อร่วมด้วย