Skip to content

ไข้หวัด เกือบจะถือว่าเป็นโรคปกติสำหรับคนที่มักจะเป็นเมื่อมีอากาศที่เปลี่ยนแปลงและโดยมากก็คิดว่าไม่มีความร้ายแรงใดๆสักเท่าไร หรือแม้กระทั่งกับโรคไข้หวัดใหญ่ ถึงจะรุนแรงกว่าแต่ด้วยความที่คำว่า ไข้หวัดทำให้ดูไม่อันตรายแต่ในความเป็นจริงกลับพบว่าแต่ละปีมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่กว่า 1 แสนราย และพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ทุกปี  โดยไข้หวัดใหญ่จะมีช่วงระบาดมากในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน – ตุลาคม) และฤดูหนาว (มกราคม – มีนาคม) ของทุกปี

ไข้หวัดใหญ่ คือ โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ทำให้ผู้ติดเชื้อ มีไข้สูง ปวดหัว ตัวร้อน ไอจาม มีน้ำมูก และปวดเมื่อยตามตัว มี 2 สายพันธุ์หลัก ได้แก่

ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ฟลู A” ถือเป็นสายพันธุ์ที่มีความอันตรายมากที่สุด เพราะสามารถกลายพันธุ์และแพร่ระบาดได้เป็นวงกว้าง ทำให้เชื้อมีความเป็นลูกผสม และมีฤทธิ์รุนแรง โดยแยกออกได้เป็น 2 สายพันธุ์ย่อยที่พบบ่อย คือ H1N1 และ H3N2

ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ฟลู B” ถือเป็นสายพันธุ์ที่มีความอันตรายรุนแรงเช่นกัน ที่พบได้บ่อย คือ B Victoria , B Yamagata , B Phuket

การแพร่เชื้อติดต่อ

เชื้อจะอยู่ในเสมหะ  น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย สามารถติดต่อได้โดยการไอจามรดกันโดยตรง หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป ในระยะ 1 เมตร หรือได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือ หรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู  โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูก ตา ปาก ผู้ป่วยอาจเริ่มแพร่เชื้อได้ ตั้งแต่ 1 วันก่อนป่วย โดยช่วง 3 วันแรก จะแพร่เชื้อได้มากสุด และระยะแพร่เชื้อมักไม่เกิน 7 วัน

อาการของไข้หวัดใหญ่

  • มีไข้สูงตั้งแต่หรือมากกว่า38 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • มีอาการปวดศีรษะ หนาวสั่น อ่อนเพลีย
  • มีน้ำมูกไหล คัดจมูก เจ็บคอ มีอาการไอ
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตามร่างกาย แขน ขา ตามตัว

วิธีการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์

  • ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร
  • ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกันกับผู้อื่น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
  • ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก เวลาไอจาม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ
  • สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น เบต้ากลูแคน อะราบิโนกาแลคแทน หรือวิตามินซี
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์  ถือเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ช่วยลดโอกาสป่วย ลดความรุนแรงของโรค ลดภาวะแทรกซ้อน ลดโอกาสในการเสียชีวิต ตลอดจนช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้มากกว่า

ประเทศไทยมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่  2 ประเภท ได้แก่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ขนาดมาตรฐาน (Standard Dose) ซึ่งจะมีทั้งชนิด 3 สายพันธุ์ และชนิด 4 สายพันธุ์ สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุ

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ขนาดสูง (High Dose) สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป สามารถฉีดได้ทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีร่างกายปกติ และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ซึ่งมีเฉพาะชนิด 4 สายพันธุ์เท่านั้น