ทุกวันนี้อาหารเสริมด้านต่าง ๆ มีค่อนข้างออกมาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน คลอลาเจน ไฟเบอร์ สรรพคุณมีทั้งบำรุงสายตา บำรุงผิว บำรุงกระดูก ช่วยการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานดีขึ้นและอื่น ๆ อีกมากมาย มีทั้งอยู่ในรูปของแคปซูลบ้าง ในซองฉีกชงบ้างเพื่อง่ายต่อการรับประทาน ซึ่งจะถูกจัดเก็บไว้ในในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อีกชั้น ผู้บริโภคจึงไม่สามารถทราบได้เลยว่าภายในนั้นจะมีส่วนผสมหรือส่วนประกอบอะไรบ้าง จะมีปริมาณสารอาหารอะไรบ้าง มีจำเป็นกับความต้องการของร่างกายไหม โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ การจะเลือกซื้อสินค้าอะไร จะเน้นดูรายละเอียดของข้อมูลและรายละเอียดสินค้าของสินค้านั้น ๆ และมีการรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากที่ใด มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ดังนั้นสิ่งจำเป็นที่ผู้บริโภคควรจะทราบว่าข้างบรรจุภัณฑ์มีอะไรบ้าง ความหมายคืออะไรมาดูกันค่ะ
ค่าปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวัน (DRI)
การรับประทานอาหารที่มีปริมาณและคุณภาพที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพที่ดีของเรา ค่า DRI (Dietary Reference Intakes) หรือค่าปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวัน เป็นระบบแนะนำทางโภชนาการที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยองค์กรที่เชื่อถือได้ในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ข้อมูลทางโภชนาการที่ทันสมัยและเป็นระบบสำหรับการบริโภคอาหารที่เหมาะสมสำหรับประชากรทั่วไป ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษาสุขภาพและป้องกันโรค
ค่า DRI สามารถแบ่งเป็นหลายประเภทตามวัตถุประสงค์และลักษณะของข้อมูลที่ให้ ดังนี้
1. RDA (Recommended Dietary Allowance):
RDA เป็นปริมาณสารอาหารที่ควรบริโภคประจำวันเพื่อรักษาสุขภาพดี ซึ่งมักใช้เป็นแนวทางในการวางแผนอาหารของประชากรทั่วไป โดย RDA จะถูกกำหนดให้ครอบคลุมความต้องการที่มีประสิทธิภาพต่อส่วนใหญ่ของประชากร
2. AI (Adequate Intake):
AI เป็นปริมาณสารอาหารที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการที่ควรมีของสารอาหารแต่ยังไม่มีข้อมูลวิจัยเพียงพอในการกำหนด RDA ดังนั้น AI จะใช้ในกรณีที่ข้อมูลวิจัยยังไม่เพียงพอ
3. UL (Tolerable Upper Intake Level):
UL เป็นระดับสูงสุดของการบริโภคสารอาหารที่สามารถทนได้โดยไม่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นข้อจำกัดสูงสุดที่ควรบริโภค เพื่อป้องกันภาวะพิษหรือผลข้างเคียง
4. EAR (Estimated Average Requirement):
EAR เป็นปริมาณสารอาหารต่อวันที่มีความเสี่ยงครึ่งหนึ่งต่อการขาดสารอาหารของประชากรที่มีความต้องการสารอาหารเดียวกัน ใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินความเหมาะสมของค่า DRI อื่นๆ
ภาพนี้ช่วยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับประจำวันตาม DRI โดยพบว่าหากได้รับสารอาหารในปริมาณตามค่า EAR จะมีความเสี่ยงถึงร้อยละ 50 ที่จะขาดสารอาหาร แต่หากได้รับสารอาหารในปริมาณตามค่า RDA จะมีความเสี่ยงเพียงร้อยละ 2-3 ที่จะขาดสารอาหาร โดยสามารถเพิ่มระดับของสารอาหารนั้นๆได้เรื่อยๆ แต่ไม่เกินค่า UL โดยหากเกินค่า UL จะทำให้เกิดความเป็นพิษจากการได้รับสารอาหารนั้นเกินขนาด นอกจากนี้ยังมีค่า AI ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับค่าใดเลย เนื่องจากเป็นค่าที่ยังไม่มีการศึกษาที่ครบถ้วนเหมาะสม แต่เป็นค่าคล่าวๆ สำหรับสารอาหารนั้น
ค่า Thai RDI คืออะไร ?
Thai RDI หรือ Thai Recommended Daily Intake คือ ค่าสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทย เพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อรักษาสุขภาพและสมดุลทางโภชนาการ
โดยปัจจุบัน สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำตารางสรุปปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย ตั้งแต่ทารกจนถึงวัยสูงอายุ รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร โดยแจกแจงรายละเอียดของสารอาหารประเภทพลังงาน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุและอิเล็กโทรไลต์ โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสาร “ตารางปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563. DIETARY REFERENCE INTAKE TABLES FOR THAIS 2020.”
เอกสารอ้างอิง
1. สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (มีนาคม 2563). ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563. DIETARY REFERENCE INTAKE FOR THAIS 2020.
2. สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (มีนาคม 2563). ตารางปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563. DIETARY REFERENCE INTAKE TABLES FOR THAIS 2020.