365WECARE

โรคหอบหืด (Asthma) คืออะไร? อาการ สาเหตุ และความเสี่ยงที่ควรรู้ 

 โรคหอบหืด คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังที่เกิดจากหลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้เกิดการหดเกร็งและตีบแคบ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก ไอ และมีเสียงหวีดในอก อาการหอบหืดอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือกำเริบเฉียบพลันจากสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้ หรืออากาศเย็น แม้โรคหอบหืดยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่การใช้ยาที่เหมาะสมและการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นจะช่วยควบคุมอาการและลดความรุนแรงของโรคได้

 

   โรคหอบหืด (Asthma) เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกันออกไปในผู้ป่วยแต่ละคน ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมากรวมถึงการเจริญเติบโตที่ช้าลง รบกวนการทำงานและการทำกิจวัตรประจำวัน ยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจึงเน้นไปที่การลดความรุนแรงของโรคด้วยการใช้ยาให้เหมาะสมและถูกวิธี เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ หลอดลมของผู้ป่วยโรคหืดไวต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ เมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้น หลอดลมจึงหดตัวตีบแคบลง ส่งผลให้เกิดอาการหอบ หายใจลำบาก หากเกิดภาวะหอบหืดเฉียบพลันและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

อาการของโรคหอบหืด

   โดยทั่วไปจะมีอาการหอบ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด (wheezing sound) (ในระยะแรกจะได้ยินเสียงนี้ในขณะที่หายใจออก แต่ถ้าเป็นมากขึ้นก็จะได้ยินทั้งในขณะที่หายใจเข้าและหายใจออก) ไอในตอนเช้าและตอนกลางคืนมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ในช่วงที่ไม่มีอาการกำเริบ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายเหมือนคนปกติทั่วไป ส่วนในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางมักจะมีอาการเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและอาการมักกำเริบขึ้นมาทันทีเมื่อมีสาเหตุมากระตุ้น แต่ในภาวะหอบหืดกำเริบเฉียบพลันอาจมีอาการไอเป็นชุดๆ หายใจลำบากแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที จะทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและอวัยวะที่สำคัญไม่เพียงพอ อาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

โรคหอบหืดเกิดได้จาก 2 ปัจจัยหลัก คือ

  •    ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยโรคหอบหืดอาจมีอาการกำเริบเมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่างๆ
  •    ปัจจัยทางพันธุกรรม โรคหอบหืดเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีบิดา มารดา หรือญาติเป็น จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป

 

สาเหตุของโรคหอบหืด

  • สารก่อภูมิแพ้ (allergens) เช่น

 ● ละอองหญ้า วัชพืช ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่นในบ้าน (ส่วนใหญ่จะพบตามพรม ที่นอน เฟอร์นิเจอร์หรือของเล่นที่ทำด้วยนุ่นหรือที่เป็นขนๆ)

  ● สปอร์เชื้อรา (พบสปอร์ตามพุ่มไม้ ในสวน ห้องน้ำ ห้องครัวหรือตามที่ชื้น) สัตว์เลี้ยงในบ้าน (สารก่อภูมิแพ้มักจะอยู่ตามน้ำลาย ขนสัตว์ ปัสสาวะ และ มูลสัตว์)

  ● อาหาร ได้แก่ นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว กุ้ง หอย ปู ปลา ไข่ ถั่วลิสง งา สารกันบูดในอาหาร สีผสมอาหาร

  ● สารในกลุ่มซัลไฟต์ (Sulfites) และสารที่เจือปนในอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิด เช่น ผลไม้แห้ง ไวน์ เบียร์

  • สิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันธูป ควันไฟ ควันท่อไอเสีย ฝุ่นละออง มลพิษในอากาศ ยาฆ่าแมลงหรือวัชพืช สเปรย์แต่งผม กลิ่นสี สารเคมีภายในบ้านหรือที่ทำงานและโรงงาน
  • การติดเชื้อของทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ
  • โรคกรดไหลย้อน เพราะน้ำย่อยหรือกรดที่ไหลย้อนลงไปในหลอดลม ทำให้หลอดลมเกิดการอักเสบและอาจทำให้โรคหอบหืดกำเริบได้บ่อยและรุนแรงขึ้น
  • ฮอร์โมนเพศ เพราะพบว่าหญิงระยะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ระยะก่อนมีประจำเดือน หรือในขณะตั้งครรภ์ มักจะมีโรคหอบหืดกำเริบ
  • การใช้ยา ได้แก่ ยาแอสไพริน (Aspirin), ยาลดความดันโลหิตกลุ่มปิดกั้นเบต้า เช่น โพรพาโนโลล (Propanolol), ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งมีผลต่อการหดตัวของหลอดลม
  • ความเครียด เช่น ความเครียดจากการงาน ครอบครัว ปัญหาทางเศรษฐกิจ ความโศกเศร้าจากการสูญเสียคนรัก รวมทั้งอารมณ์ซึมเศร้า เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้หายใจผิดปกติโดยไม่รู้ตัว ทำให้หายใจแบบลึกบ้างตื้นบ้างสลับไปมา เพราะจะส่งผลให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้ง หายใจลำบาก และอาการกำเริบได้ง่ายขึ้น
  • การออกกำลังกายหรือออกแรงในการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการหัวเราะมาก ๆ อาจชักนำให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบได้ในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ออกกำลังจนเหนื่อยหรือหักโหมมากเกินไป หรือออกกำลังกายในที่ที่มีอากาศแห้งและเย็น
  • การสัมผัสความร้อน ความเย็น เช่น การรับประทานไอศกรีมหรือเข้าห้องแอร์

 

การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคหอบหืด ⚡️

  1. 1. การค้นหาและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการหอบหืด เช่น ฝุ่นและไรฝุ่น รังแคสัตว์ เกสรดอกไม้ รวมทั้งสารก่อมลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ สารเคมี ก๊าซพิษต่างๆ เป็นต้น
  2. 2. การเฝ้าระวังอาการและติดตามการรักษากับแพทย์เป็นประจำ อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและตรวจสมรรถภาพปอดเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนและเพื่อให้สามารถควบคุมอาการของโรคให้เป็นปกติ

หากต้องใช้ยารักษา ควรใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรและปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้อย่างเคร่องครัด อย่าปรับยาหรือหยุดด้วยตนเอง แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว ไม่ควรซื้อยามาใช้เองเด็ดขาด สำหรับยาพ่นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

  • ยาควบคุมโรค เป็นยาสูดพ่นที่มีองค์ประกอบเป็นสเตียรอยด์ช่วยลดการอักเสบของหลอดลม ต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่มีอาการ ทุกครั้งที่พ่นยาสเตียรอยด์ ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ยาตกค้างที่คอหอย เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเชื้อราในช่องปาก
  • ยาบรรเทาอาการ เป็นยาขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์เร็ว ใช้เมื่อมีอาการหืดกำเริบเฉียบพลัน หรือเมื่อมีอาการหายใจลำบากเกิดขึ้น ผู้ป่วยต้องพกยาฉุกเฉินติดตัวไว้เสมอ เพื่อบรรเทาอาการเมื่อหอบหืดกำเริบและคนรอบข้างควรรู้ตำแหน่งที่เก็บยาเอาไว้ หากฉุกฉินคนรอบข้างจะได้ช่วยเหลือทัน
  1. 3. ดูแล รักษาและทำความสะอาดเครื่องใช้ ของใช้ภายในบ้านให้สะอาด ไม่มีฝุ่นเกาะ
  2. 4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดซึ่งอาจส่งผลให้หายใจไม่สะดวก
  3. 5. สวมหน้ากากอนามัยก่อนออกไปข้างนอกเพื่อป้องกันการสัมผัสสารกระตุ้นจากภายนอกบ้าน

 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

365wecare call365wecare Line365wecare Facebook365wecare Tiktok

ฝ่ายบริการลูกค้า

080-365-3696

ติดตามเราได้ที่

หน้าหลัก

shopping_cart
0

ตะกร้าสินค้า

แบรนด์

โปรโมชั่น