แบรนด์
บทความ
แผลกดทับ (Bed Sore)
เส้นเลือดขอด (Varicose Vein)
ภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Allergy)
ริดสีดวงทวารหนัก (Hemorrhoids)
กระดูกพรุน (Osteoporosis)
ความจำเสื่อมและอัลไซเมอร์ (Dementia /Alzheimers)
เก๊าท์ (Gout)
ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ท้องผูก (Constipation)
กรดไหลย้อน (GERD)
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (Respiratory allergy)
ตาแห้ง (Dry eyes)
สิว (Acne)
ผมร่วง (Hair Loss)
ไมเกรน (Migraine)
เวชสำอางสำหรับสิว (Acne Dermocosmetics)
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด (Sun Block& Sun Screen)
ผิวริ้วรอย..แก่ก่อนวัย (Wrinkle Skin)
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)
แผ่นมาส์กผิวหน้า (Facial mask)
ผิวบอบบางแพ้ง่าย (Sensitive skin)
ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ
แชมพูกำจัดรังแค (Anti-Dandruff Shampoo)
ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง (Anti-Hair loss Shampoo)
หนังศีรษะบอบบาง (Sensitive scalp Shampoo)
ผิวแตกลาย (Anti Stretch Mark)
ผลิตภัณฑ์สำหรับจุดซ่อนเร้น
กลุ่มอโรมาเธอราพี (Aromatherapy)
บำรุงรอบดวงตา
ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับเด็ก
สเปรย์น้ำทะเล เจือจางพ่นหรือล้างจมูก
อุปกรณ์ล้างจมูก (Nasal Rinsing System)
น้ำเกลือ (Normal Saline)
อุปกรณ์วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Fingertip Oximeter)
ถุงให้อาหาร (Nutrition Bag)
เครื่องวัดความดัน (Blood Pressure Monitor)
ที่นอนลม (Mattress)
เบาะเจลป้องกันแผลกดทับ Anti-Bedsore Gel Cushion
รถเข็นผู้ป่วย (Wheel Chair)
เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Monitor)
พลาสเตอร์และอุปกรณ์ทำแผล (Bandage&Wound Dressing)
อุปกรณ์พยุงหลัง (Back Support)
แผ่นแปะเท้าและแก้ปวดเมื่อย (Foot Pads and Medicated Plaster)
ทิชชู่เปียกและผ้าเปียก (Cleansing Wipes)
แป้นถ่ายติดหน้าท้อง พร้อมถุงถ่ายหน้าท้อง (Valore Fianges Ring Size)
สารอาหาร
กระชายดำ (Krachaidum)
เห็ดหลินจือ (Reishi)
ผลกุหลาบป่า (Rose Hip)
หลินจือสกัด (Lingzhi Extract)
D-Manose
Licorice (Glycyrrhiza glabra)
แอล-ซิสเทอีน L-Cysteine
สารสกัดจากมิลเลท Millet Extract
วาเลอเลียน (Valerian)
ทีทรีออยล์ (Tea tree oil)
วิตามินรวม (Multi-Vitamins)
สารสกัดเอคไคเนเชีย (Echinesia)
คอนโดรอิติน (Chondroitin)
น้ำมันโบราจ Borage Oil
สารสกัดเมล่อน Melon Extract (SOD)
วิธีสั่งซื้อ
แคลเซียม (Calcium) เป็นแร่ธาตุที่พบมากที่สุดในร่างกาย โดยกว่า 99% อยู่ในกระดูกและฟัน อีก 1% อยู่ในเลือด เนื้อเยื่อ และของเหลวต่าง ๆ ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และหัวใจ หากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ จะดึงจากกระดูกมาใช้ ทำให้เสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน ร่างกายไม่สามารถสร้างแคลเซียมเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหาร เช่น นม ปลาเล็กถั่ว งา หรืออาหารเสริม เพื่อช่วยคงความแข็งแรงของกระดูกและสุขภาพโดยรวม
แคลเซี่ยม เป็นเกลือแร่ที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยแคลเซียมทั้งหมดที่มีในร่างกาย 99 เปอร์เซ็นต์เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน แคลเซียมอีก 1 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ และของเหลวในร่างกาย ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ และหัวใจ โดยควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการส่งผ่านของระบบประสาท เช่น พัฒนาและสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ควบคุมการทำงานของหลอดเลือด ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ควบคุมการเต้นของหัวใจ การส่งความรู้สึกไปตามเส้นประสาท การปลดปล่อยฮอร์โมน เป็นต้น1,2 ร่างกายจะมีกลไกที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับแคลเซียมในเลือดให้สมดุล หากในเลือดมีระดับแคลเซียมต่ำ ร่างกายจะดึงแคลเซียมที่สะสมในกระดูกเพื่อรักษาสมดุลของแคลเซียมในเลือด ปกติร่างกายจะไม่สามารถสร้างแคลเซียมขึ้นมาได้เอง จึงต้องรับประทานเข้าไปเพื่อทดแทนแคลเซียมที่ถูกนำไปใช้หรือถูกขับทิ้งออกจากร่างกาย
ในปัจจุบันบ้านเรามีแคลเซียมเสริมให้เลือกรับประทานกันหลายชนิดอย่างมากมายเลยใช่ไหมครับ ทำให้เรามีความสบสนว่าควรจะเลือกรับประทานแบบไหนดีแล้วมันเพียงพอต่อความต้องการของเราหรือปล่าว ผมจะขอกล่าวถึงชนิดของแคลเซียมที่มีอยู่ในท้องตลาดเป็นกลุ่ม ๆโดยแคลเซียมนั้นเป็นแร่ธาตุซึ่งต้องจับกับสารประกอบถึงจะอยู่คงตัวได้ โดยจะแบ่งชนิดของแคลเซียมตามสารประกอบที่อยู่คู่กับแคลเซียม
1. แคลเซียมคาร์บอเนต
2. แคลเซียมซีเตรต
3. แคลเซียมกลูโคเนต
4. แคลเซียมกับกลุ่มอื่นๆ
นอกเหนือจากชนิดของแคลเซียมที่ได้กล่าวมาแล้วปริมาณแร่ธาตุแคลเซียมที่มีอยู่ก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกันนะครับ คุณเคยลองดูที่ฉลากยาแคลเซียมเสริมที่รับประทานกันบ้างหรือปล่าวครับ โดยทั่วไปแล้วโรงงานผู้ผลิตยาหรืออาหารเสริมแคลเซียมมักจะมีการระบุปริมาณของแร่ธาตุแคลเซียมไว้ข้างกล่องยาอยู่แล้วนะครับหรือบางโรงงานอาจระบุแคลเซียมเป็นน้ำหนัก โดยที่แคลเซียมคาร์บอเนต เป็นชนิดของแคลเซียมเสริมที่มีความเข้มข้นของแร่ธาตุแคลเซียมมากที่สุด (ประมาณ 40 % ของน้ำหนัก) รองลงมาก็คือ แคลเซียมซีเตรต (ประมาณ 20 %ของน้ำหนัก)
รูปแบบของแคลเซียมบางอย่างนั้นพบว่ามีพิษซึ่งมีการพิสูจน์พบสารตะกั่ว โดยแหล่งของแคลเซียมที่พบว่ามีสารตะกั่วก็คือแคลเซียมที่มาจาก เปลือกหอยนางรม โดโลไมท์ กระดูกป่น ดังนั้นเราควรจะหลีกเลี่ยงแคลเซียมเสริมที่มาจากแหล่งเหล่านี้
☀ แคลเซียมแต่ละชนิดก็มีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน แคลเซียมคาร์บอเนตควรจะทานร่วมกับอาหาร ส่วนแคลเซียมซีเตรตควรรับประทานเมื่อท้องว่าง
☀ แคลเซียมไม่ควรรับประทานร่วมกับยาบางกลุ่ม คือ ยาฆ่าเชื้อ ยาบำรุงเลือด และอื่น ๆ โดยแคลเซียมจะไปจับกับยาที่ทานเข้าไปแล้วไม่ดูดซึมเข้าร่างกายอย่างเต็มที่วิตามิน ดี
☀ แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อทานคู่กับวิตามินดีครับ ดังนั้นแคลเซียมเสริมบางยี่ห้อจึงนิยมรวมวิตามินดีกับแคลเซียมไว้ในเม็ดเดียวกัน ทำให้รับประทานได้สะดวกและง่ายขึ้นครับขนาดยาแคลเซียม
☀ เราควรรับประทานแคลเซียมโดยแบ่งเป็นสองหรือสามครั้งต่อวันแทนที่จะทานครั้งเดียวทั้งหมด เพื่อช่วยการดูดซึม
☀ นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นแหล่งของแคลเซียมที่ดี เนื่องจากนมมีปริมาณแคลเซียมสูงและร่างกายนำไปใช้ได้มาก นม 1 กล่อง (250 ซีซี) ให้แคลเซียม 300 มิลลิกรัม ฉะนั้นการดื่มนม โดยเฉพาะนมพร่องมันเนย หรือไขมันต่ำวันละ 2 กล่อง จะได้แคลเซียมถึง 2ใน 3 ที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน
☀ ปลาและสัตว์เล็กอื่น ๆ ที่สามารถกินได้ทั้งกระดูกหรือเปลือก เช่น ปลาซิว ปลาเกร็ดขาว ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีนกระป๋อง กุ้งฝอย กุ้งแห้ง ฯลฯ
☀ ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง เป็นแหล่งของแคลเซียม เช่น เต้าหู้แข็ง เต้าฮวย (ไม่ใช่เต้าหู้หลอดไข่) ฯลฯ
☀ ผักใบเขียว ผักที่มีแคลเซียมสูงและร่างกายนำไปใช้ได้มาก เช่น ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า ฯลฯ
☀ หลีกเลี่ยงการรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ในปริมาณที่มากจนเกินไป เนื่องจากการรับประทานโปรตีนมากและรับประทานแคลเซียมไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมเพิ่มมากขึ้นได้
☀ หลีกเลี่ยงหรืองดรับประทานอาหารรสเค็มจัด เนื่องจากอาหารรสเค็มมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมจะทำให้ร่างกายขับน้ำออกทางปัสสาวะมากขึ้นและขับแคลเซียมตามออกมาด้วย จึงทำให้การสูญเสียแคลเซียมจากร่างกายทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
☀ หลีกเลี่ยงหรืองดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น น้ำชา กาแฟ เพราะคาเฟอีนจะทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
☀ หลีกเลี่ยงหรืองดดื่มน้ำอัดลม เนื่องจากมีส่วนผสมของฟอสฟอรัสสูง ฟอสฟอรัสจะรวมตัวกับแคลเซียมในร่างกาย ทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดเสียสมดุล ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำแคลเซียมไปใช้ได้ตามปกติ จึงทำให้แคลเซียมในร่างกายลดลง
☀ หลีกเลี่ยงหรืองดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย และทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำในปริมาณมากจะทำให้แคลเซียมลดต่ำลง
☀ หลีกเลี่ยงหรืองดสูบบุหรี่ เนื่องจากนิโคตินในบุหรี่ขัดขวางการนำแคลเซียมไปใช้ ทำให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ได้ลดลง
☀ อายุ < 40 ปี 800 mg / วัน = นม 3 – 4 แก้ว
☀ วัยทอง (~50 ปี) 1000 mg / วัน = นม 4 – 5 แก้ว
☀ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์, อายุ > 60ปี 1200 mg / วัน = นม 6 – 7 แก้ว
☀ ผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมากถึง 30 – 40% ส่วนผู้ชาย 10%
☀ 10 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน กระดูกจะบางลงเร็วมาก เกิดจากการขาดฮอร์โมนเพศหญิง หรือ Estrogen การเสริม Calcium จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
สินค้าของแท้
ส่งเร็วทันใจ
เปลี่ยน/คืนได้ภายใน 14 วัน
รีวิวมากมายจากผู้ใช้จริง