น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว Rice Bran Oil คืออะไร? ประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวต่อสุขภาพ 

Rice Bran Oil หรือน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เป็นน้ำมันที่สกัดจากเยื่อหุ้มเมล็ดและจมูกข้าว ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญ เช่น แกมมาโอไรซานอล โอเมก้า 3 และ 9 วิตามินอี และไฟโตสเตอรอล น้ำมันรำข้าวมีส่วนช่วยในการดูแลระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอล สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และบำรุงสุขภาพผิว นอกจากนี้ยังถูกมองว่าเป็นน้ำมันที่เหมาะสำหรับการทำอาหารเพราะมีความเสถียรต่อความร้อน และให้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน

   รำข้าว คือ เปลือกด้านนอกของเมล็ดข้าว (รำ) และ น้ำมันจากรำข้าว เป็นส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในระบบต่างๆเช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันคอเลสเตอรอลสูง ระบบทางเดินอาหาร ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ใช้ในผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ โรคอ้วน เป็นต้น ข้าว พืชเศรษฐกิจของคนไทย ให้ประโยชน์มากกว่าที่เราคิดแค่อาหารหลักในแต่ละมื้อ

   น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว ( Rice Bran Oil, Cold Pressed Rice ) เป็น น้ำมันที่ได้จากเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบันผ่านกระบวนการบีบ อัด สกัดเย็น โดยนำรำข้าวดิบที่ประกอบด้วยเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งในน้ำมันรำข้าวประกอบด้วยสารอาหารและวิตามิน คือ โครเมียม เหล็กแมกนีเซียม สังกะสี แมงกานีส ซีลีเนียม โปแตสเซียม สารแกมมา โอไรซานอล ( Gamma Oryzanol ) กรดไขมันอย่างกรดโอเลอิก ( Oleic Acid ) หรือโอเมก้า 9 ( Omega 9 ) ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol) วิตามินอีรวม ( Vitamin E Complex ) แคโรทีนอยด์ ( Carotenoids ) กรดแอลฟา-ไลโนเลอิก ( Alpha-linolenic Acid ) หรือโอเมก้า 3 ( Omega 3 ) สารในกลุ่มเลซิติน ( Lecithin ) เมลาโทนิน ( Melatonin )

 น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวสกัดเย็น คืออะไร 

   การสกัดเย็น คือ น้ำมันชนิดหนึ่งที่สกัดมาจากรำข้าวหรือเมล็ดข้าวด้วยการแยกส่วนของกากหรือน้ำมันจากวัตถุดิบที่เราสกัดออกมา โดยสกัดออกมาจากส่วนต่าง ๆ ของวัตถุดิบนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชผักและผลไม้ชนิดต่าง ๆ การสกัดเย็นจะได้น้ำมันจากบริเวณส่วนของรำข้าวดิบที่คงด้วยเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าว โดยอาศัยขั้นตอนบีบอัดที่อุณหภูมิห้องโดยตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอนแล้วนำมากรองด้วยอุปกรณ์ที่มีความละเอียดสูงจึงได้น้ำมันที่มีความบริสุทธิ์สูงมาใช้งาน ทั้งนี้การสกัดต้องไม่ผ่านกระบวนการความร้อนหรือสารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะจะยังคงสี รสชาติ กลิ่นตามธรรมชาติ คงคุณค่าและสรรพคุณของพืชผักและผลไม้ชนิดนั้น ๆ ไว้อย่างครบถ้วน

น้ำมันรำข้าวช่วยอย่างไร ?

   น้ำมันรำข้าวมีสารที่ช่วยลดการดูดซึมไขมันคอเลสเตอรอล และ เพิ่มการขับคอเลสเตอรอลออกนอกร่างกาย จึงอาจช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ สารในรำข้าวยังช่วยลดการดูดซึมแคลเซียม จึงอาจช่วยในการลดการเกิดนิ่ว

น้ำมันรำข้าว & โรคต่างๆ 

ʕ·ᴥ·ʔ  ไขมันโลหิตสูง งานวิจัยพบว่า การกินน้ำมันรำข้าวช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ 14 % ลดไขมันชนิดไม่ดี (LDL cholesterol) ได้ 20% ลดไตรกลีเซอไรด์ 20% และ เพิ่มไขมันดี (HDL cholesterol) ได้ 41%

ʕ·ᴥ·ʔ  ผื่นแพ้ผิวหนัง

ʕ·ᴥ·ʔ  ป้องกันนิ่วในผู้ที่มีระดับแคลเซียมสูง

ʕ·ᴥ·ʔ  ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร

ʕ·ᴥ·ʔ  เบาหวาน

ʕ·ᴥ·ʔ  ความดันโลหิตสูง

ʕ·ᴥ·ʔ  ป้องกันความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

ʕ·ᴥ·ʔ  ลดน้ำหนัก

ʕ·ᴥ·ʔ  ติดแอลกอฮอล์

ʕ·ᴥ·ʔ  บางภาวะเหล่านี้ยังต้องการการศึกษาต่อไปครับ

Safety

• ✿  โดยทั่วไปน้ำมันรำข้าวปลอดภัย
• ✿  การกินน้ำมันรำข้าวอาจทำให้เกิดอาการจุกแน่นท้อง มีลมได้ในช่วงสัปดาห์แรกๆ
• ✿  สารแกมมาโอไรซานอล (Gamma Oryzanol) ในน้ำมันรำข้าว อาจทำให้การทำงานของไทรอยด์ลดลง ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่เป็นไทรอยด์ต่ำ (ไทรอยด์ไม่เป็นพิษ)

How to Choose / Use

    ลดไขมันคอเลสเตอรอล ใช้น้ำมันรำข้าวที่ประกอบด้วย สารแกมมาโอไรซานอล 300 mg ต่อวัน หรือใช้ น้ำมันรำข้าว 8 กรัมต่อวัน โดยอาจแบ่งกินเป็น 1-3 ครั้ง หรือใช้ รำข้าว 12-84 กรัมต่อวัน

ลดการเกิดนิ่ว ใช้ รำข้าว 10 กรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3-5 ปี

 คุณประโยชน์จากน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว 

✿  ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องชะลอวัย ชะลอความเสื่อม ความแก่ของร่างกาย

✿  ปรับสมดุลระบบฮอร์โมนของสตรีวัยทอง

✿  ในน้ำมันรำข้าวมีสารโครเมียม เป็นสารที่จับกับอินซูลินช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในร่างกายให้คงที่

✿  น้ำมันรำข้าวมีวิตามินอี ในกลุ่ม แอลฟ่า โทโคฟีรอลแกมม่า-ออริซานอลและสเตอรอลจากพืช ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็ง

✿  ในน้ำมันรำข้าวมีโอเมกา 3 ( Omega 3 ) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารสื่อประสาทช่วยให้ความจำดีขึ้น   

กรดอัลฟา ไลโปอิก

1.   เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง จนถูกเรียกว่าสารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาล (Universal Antioxidant) มีฤทธิ์แรงกว่า Co Q10 4-5 เท่า และแรงกว่าวิตามิน E และ วิตามิน C 50 เท่า
2.  ป้องกันการเสื่อมสภาพของร่างกายตามอายุขัย เช่น อาการสมองเสื่อม ป้องกันโรคหัวใจ ลดการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด ป้องกันโรคตับแข็งโดยช่วยเพิ่มระดับสารกลูตาไธโอนในตับ จึงช่วยกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกายออกไปได้อย่างรวดเร็ว
3.  ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เพราะมีส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลกลูโคสให้เป็นพลังงาน จึงมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
4.  ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ในร่างกาย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคติดเชื้อในกระแสเลือด

โคเอนไซม์ คิวเท็น

1. ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเนื้อเยื่อหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจได้อีกด้วย
2. เป็นสารต้านอนุมูอิสระที่มีฤทธิ์แรง ปกป้องเนื้อเยื่อจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
3. ช่วยลดผลข้างเคียง จากการรักษาโรคมะเร็ง
4. ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ชะลอความเสื่อมแห่งวัย (Anti-Aging)