สาเหตุที่ทำให้นอนติดเตียง
สาเหตุของโรคนอนติดเตียงเกิดจากผู้ป่วยเป็นโรคที่ส่งผลให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวเองได้หรือไม่สามารถช่วยเหลือ ตัวเองได้ เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบ/แตก (Stroke) อุบัติเหตุ (Accident) ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก (COMA) เป็นต้น ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทำให้ต้องนอนอยู่บนเตียงส่งผลให้มีปัญหาต่างๆ ตามมาดังนี้
- ✿ ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ได้แก่กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาข้อติด เช่น ไหล่ติด ข้อเข่าติด, เกิดแผลกดทับ กระดูกบางลง กลืนลำบาก
- ✿ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ มือและเท้าบวม อัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่าปกติ จะมีอาการเวียนหัวเมื่อจับ ผู้ป่วยนั่ง
- ✿ ระบบหายใจ ได้แก่ ประสิทธิภาพในการหายใจลดลง ประสิทธิภาพไอลดลงท าให้มีเสมหะคั่งค้าง
- ✿ ระบบประสาทและอารมณ์ ได้แก่ ซึมเศร้า, ประสาทสัมผัสลดลง
สิ่งที่ควรเฝ้าระวังสำหรับผู้ป่วยนอนติดเตียง 
✿ แผลกดทับ จากการนอนนิ่งๆ เป็นเวลานาน นับเป็นปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อย ทำให้บริเวณที่เป็นปุ่มกระดูกต่างๆ ขาดเลือดมาเลี้ยงที่ผิวหนัง เกิดการตายของเซลล์ผิวจนเกิดเป็นแผล สามารถเกิดขึ้นได้หลายจุด เช่น ท้ายทอย สะบัก ศอก สะโพก กระดูกก้นกบ ส้นเท้า เป็นต้น ในระยะแรกอาจเกิดอาการลอกแค่ที่ชั้นผิวหนัง ถ้าปล่อยไว้นานๆ ก็อาจจะลอกไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือถึงชั้นกระดูก ทำให้โอกาสเกิดการติดเชื้อมีมากขึ้นและอาจรุนแรงถึงขั้น เสียชีวิตได้หน้าที่ของผู้ดูแลจึงควรพลิกตัวผู้ป่วยทุกๆ 2 ชั่วโมง พร้อมเปลี่ยนท่าในการนอนใหม่ เช่น นอนหงายหรือ นอนตะแคงสลับกันไป หลีกเลี่ยงความยับย่นของเสื้อผ้าและการทำความสะอาดผิวหนัง ไม่ควรให้เปียกชื้น ควรมีอุปกรณ์เสริมเพื่อลดแรงกดทับ เช่น ฟองนํ้า ที่นอนลม หมอนผ้านุ่ม เจลรองปุ่มกระดูก หากเกิดแผลสามารถใช้ยาทา ลดการอักเสบและสมานแผลได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
✿ ภาวะกลืนลำบาก เกิดความเสี่ยงต่อการสำลักอาหารขณะรับประทานอาจทำให้ปอดเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ หายใจไม่ออกได้เนื่องจากเศษอาหารเข้าไปติดในหลอดลม ควรปรับเตียง 45-90 องศา จับผู้ป่วยนั่งบนเตียง โดยใช้ หมอนช่วยดันหลังให้ทรงตัวขณะรับประทานอาหาร ควรให้อาหารข้นแต่ปริมาณน้อยก่อน เช่น โจ๊กปั่น เพื่อสังเกตการกลืนของผู้ป่วย ไม่รีบป้อนอาหารและให้ผู้ป่วยก้มคอขณะกลืนอาหาร เพื่อป้องกันเศษอาหารเข้าไปติดใน หลอดลม หากเกิดการสำลักให้หยุดป้อนอาหารทันที
✿ การดูแลความสะอาด ได้แก่
- 1.การชำระล้างร่างกายและการขับถ่าย โดยเฉพาะการใส่สายสวนปัสสาวะ ผู้ดูแลควรทำความสะอาดให้ดี ด้วยน้ำสบู่และเปลี่ยนทุก 2-4 สัปดาห์ หากพบความผิดปกติขณะปัสสาวะหรือขับถ่ายควรรีบนำผู้ป่วยส่ง โรงพยาบาลทันที
- 2.การดูแลสุขภาพช่องปาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อในช่องปากรวมถึงปอดติดเชื้อหรืออักเสบจากการสำลัก เช่นการใช้น้ำยาบ้วนปาก การทำความสะอาดช่องปากหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ รวมทั้งเอาอาหารที่ ค้างในช่องปากออกให้หมด
- 3.สภาพแวดล้อมของห้องนอน รักษาความสะอาด จัดของให้อากาศถ่ายเทสะดวกและง่ายต่อการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
✿ รักษาสุขภาพจิต ด้วยภาวะโรคและสภาพแวดล้อมอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะซึมเศร้า ผู้ดูแลควรหากิจกรรมทำร่วมกับผู้ป่วยชวนสนทนา ให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
กำลังใจสำหรับผู้ดูแล 
งานดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นงานที่ทำให้เกิดความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจและเป็นงานที่ยากที่สุดสำหรับสมาชิกใน ครอบครัวและผู้ดูแล แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียเท่านั้น จริงๆแล้วความสุขใจจากหน้าที่นี้ก็มีอยู่ การที่สมาชิกในครอบครัวได้ดูแล บุคคลในครอบครัว นอกจากจะเป็นการแสดงความรักและความกตัญญูต่อกัน เมื่อบุคคลอันเป็นที่รักจากไป ผู้ดูแลเองจะได้ไม่ จมอยู่กับความรู้สึกผิดเพราะได้ใช้เวลาอยู่กับผู้ป่วยอย่างคุ้มค่าและทำดีที่สุดแล้วในขณะที่ผู้ป่วยยังมีชีวิตอยู่ ส่วนกรณีที่ผู้ป่วย และผู้ดูแลไม่ได้มีความรัก ความผูกพันกันมาก่อน อาจถือว่าเป็นช่วงเวลาที่จะอโหสิกรรมและให้อภัยต่อกันในความผิดบาปใน อดีต ความโกรธจะได้ไม่ติดตัวผู้ดูแลต่อไปเมื่อผู้ป่วยจากไปแล้ว การให้โอกาสได้ดูแลกันในช่วงสุดท้ายของชีวิตถือเป็นบุญที่เขา มอบให้เราก่อนจากกันและการทำบุญใหญ่ก็ย่อมจะเหนื่อยเป็นธรรมดา